test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

11 ธ.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.47 ตำหนักอสูรฟ้า




“ถ้าหากเราใช้เคล็ดวิชาผสานกายา พวกเราจะไม่อาจแยกออกจากกันได้อีก” เทพอสูรซื่อเจี้ย แย้งขึ้นมา


“พวกเจ้าอย่าลืมว่า กองกำลังของเรามีอยู่หลายสิบล้านตน พวกมันมีเพียงแค่สามร้อยคน หากจัดกองกำลังให้ดี มีหรือที่จะจัดการพวกมันไม่ได้!” เทพอสูรสือกังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ


“ในตอนนี้พวกมันยังอยู่ในป่า หากเราสั่งการให้ตั้งกองกำลังทั้งหมดเอาไว้ตรงทางออกจาก เมื่อพวกมันออกจากป่ามา เราก็ทุ่มกำลังทั้งหมดขยี้มันในคราวเดียว” เทพอสูรซื่อเจี้ยเสนอแผนการรบขึ้นมา


“นับว่าไม่เลว ถ้าเช่นนั้นจงรีบสั่งการลงไป” เทพอสูรเทียนถังพยักหน้าเห็นด้วยและตอบกลับไป


หลังจากนั้นประมุขทั้งสามของนิกายอสูรฟ้า ก็เรียกเหล่าแม่ทัพของกองกำลังแต่ละส่วนให้มารับฟังแผนการและเริ่มทำการจัดกระบวนทัพ เพื่อเตรียมรับมือในทันที


เช้าวันต่อมา เนี่ยลี่เตรียมที่จะบุกออกไปจากป่า แต่ก็พบว่ามีกองกำลังขนาดใหญ่วางกำลังอยู่ด้านนอก เนี่ยลี่เผยรอยยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะสั่งการให้จินตานบินขึ้นไปด้านบน


“คูลล คูลล”


จินตานส่งเสียงร้องเสียงดัง ก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด หลังจากนั้นก็พ่นเปลวเพลิงออกมา เป็นแนวยาวเผาไหม้ทัพหน้าของกองกำลังอสูรจากนิกายอสูรฟ้า ล้มตายไปนับล้านตน


ด้านนอกป่ากลายเป็นทะเลเพลิงโหมกระหน่ำ ควันไฟเริ่มลอยละลิ่วขึ้นไปบนท้องฟ้า ทั่วทั้งบริเวณปกคลุมไปด้วยควันไฟ ไฟที่ลุกลามบนพื้นก็กลืนกินพื้นที่กว้างออกไปไม่หยุด อสูรที่ถูกเปลวไฟที่ร้อนแรงนี้แผดเผา แม้แต่เลือดในกายก็ถูกเผาจนเหือดแห้ง ความโกลาหลเกิดขึ้นไม่หยุด พวกอสูรเริ่มวิ่งหลบหนีกันราวกับทหารที่แตกทัพ


จากนั้นหลงยู่อินก็ผสานเข้ากับจิตอสูรของนาง มังกรเพลิงสวรรค์พิโรธ เมื่อผสานร่างแล้ว ร่างกายของนางขยายใหญ่ขึ้น และมีเกล็ดสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นรอบตัวนาง นางพุ่งออกไปท่ามกลางเปลวเพลิงของจินตานและจัดการกับกองกำลังที่กำลังพยายามวิ่งหลบหนี


เพียงใช้กรงเล็บมังกรเพลิงสวรรค์ของนาง ก็สามารถสังหารพวกอสูรที่กำลังวิ่งหลบหนีได้อย่างง่ายดาย ด้วยที่จิตอสูรของนางนั้นเป็นมังกรเพลิง ที่มีคุณสมบัติธาตุไฟเช่นเดียวกัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากไฟของจินตาน


เมื่อเปลวเพลิงของจินตานนั้นเริ่มที่จะดับมอดลงไป หลี่ชิงอวิ๋นก็ผสานเข้ากับจิตอสูรของตนเองเช่นกัน จิตอสูรของหลี่ชิงอวิ๋นคือมังกรวารีสีชาดสายเลือดทองคำ เนื่องจากเป็นมังกรวารีจึงสามารถทดความร้อนของเปลวเพลิงที่กำลังมอดลงได้ หลี่ชิงอวิ๋นจึงทะยานออกไปสังหารกองกำลังของนิกายอสูรฟ้า ทางด้านตรงกันข้างกับหลงยู่อิน


“พวกมันใช้จิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตระดับพระเจ้า!” เทพอสูรซื่อเจี้ย ที่มองดูการต่อสู้ทางด้านหลัง พูดขึ้นมาเมื่อได้เห็นหลงยู่อินและหลี่ชิงอวิ๋น


“เจ้าพวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ บังอาจมาใช้จิตอสูรเผ่าพันธุ์ของข้า” เทพอสูรเทียนถังที่มองดูการต่อสู้ทางด้านหลัง พูดขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น


ทางด้านลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยที่มีอาวุธในระดับพระเจ้าอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องผสานเข้ากับจิตอสูรของพวกเขา ลู่เพียวฟันง้าวลงไปกับพื้น ด้วยพลังแห่งวายุที่สถิตอยู่ในง้าวถึงกับผ่าพื้นดินแยกเป็นสองส่วน และทำให้พวกอสูรร่วงหล่นไปตามรอยแยกนั้นเป็นจำนวนมาก


ส่วนเซี่ยวซุ่ยนั้นใช้ ผีผาคร่าวิญญาณ บรรเลงบทเพลงกล่อมวิญญาณ อสูรที่ได้ยินเสียงต่างก็ล้มลงจนวิญญาณหลุดลอยไป และใช้กระบี่หยกคร่าวิญญาณสังหารพวกทหารอสูรที่บุดเข้ามาประชิดตัวนาง


กู้เบ่ยเองที่ได้สวมเกราะธาราสวรรค์ เขาใช้กระบี่เจตจำนงแห่งบรรพชน บุกเข้าไปจัดการกับยอดฝีมือระดับหัวหน้ากองกำลังของนิกายอสูรฟ้า ที่มีพลังอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่แปด ด้วยที่เขาได้พลังเกื้อหนุนจากเกราะธาราสวรรค์ ทำให้สามารถใช้กระบวนท่ากระบี่หมื่นพิรุณ ได้รุนแรงยิ่งขึ้นและดูเหมือนว่าจะสิ้นเปลืองพลังน้อยลงไปด้วย


กองกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งสามร้อยคน บุกเข้าปะทะกับกองกำลังของนิกายอสูรฟ้า อย่างสุดกำลัง ทุกครั้งที่พวกเขาวิ่งเข้าไป จะมีซากศพของพวกนิกายอสูรฟ้าอยู่เต็มพื้น และค่อย ๆ สลายไป


เนี่ยลี่ยืนอยู่กับเทพธิดายู่หยาน ทั้งคู่นั้นยังไม่บรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า จึงยืนดูการต่อสู้อยู่ห่าง ๆ และสายตาของเนี่ยลี่นั้นจับจ้องไปยังตำหนักที่อยู่ด้านหลัง เป็นตำหนักที่ขุดจากภูเขาทั้งลูก และเป็นตำหนักของประมุขนิกายอสูรฟ้า


ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม กองกำลังของนิกายอสูรฟ้าล้มตายไปกว่าห้าสิบล้านตน มีกองกำลังที่เหลือรอดอีกราวสี่สิบล้านตน และยอดฝีมือในระดับแม่ทัพยังมิได้ออกมายังทัพหน้า


เมื่อเห็นว่ากองกำลังอสูรของตนเองเริ่มที่จะล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้ประมุขทั้งสามของนิกายอสูรฟ้ารู้สึกร้อนใจยิ่งนัก


“หากเป็นเช่นนี้พวกเราจักต้องพ่ายแพ้ในศึกนี้เป็นแน่” เทพอสูรเทียนถังพูดขึ้นมา


“พวกเราต้องใช้เคล็ดวิชาผสานกายากันแล้ว รีบกลับเข้าไปในตำหนักเดี๋ยวนี้” เทพอสูรสือกังพูดด้วยน้ำเสียงที่จริจัง


“ถ้าหากพวกเจ้าคิดเห็นตรงกัน พวกเราก็ควรที่จะทำเช่นนั้น” เทพอสูรซื่อเจี้ยพูดพร้อมกับพยักหน้า


หลังจากนั้นเทพอสูรทั้งสามก็กลับเข้าไปยังตำหนัก และเริ่มใช้เคล็ดวิชาผสานกายา


เดิมทีเทพอสูรทั้งสามเป็นฝาแฝดที่เกิดขึ้นมาพร้อมกัน ซึ่งหาได้ยากยิ่งสำหรับอสูร ทำให้จิตของเขาแยกออกเป็นสามส่วน เคล็ดวิชานี้มีเพียงพวกเขาทั้งสามเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ เมื่อผสานร่างกันแล้ว จิตสำนึกของทั้งสามจะรวมเป็นหนึ่งและกลายเป็นเทพอสูรที่มีพลังในระดับขอบเขตพระเจ้าดั่งบิดาของพวกเขา [จะมีการเปิดเผยในภายหลัง]


การเคลื่อนไหวของอสูรทั้งสาม ไม่อาจหลุดรอดสายตาของเนี่ยลี่ไปได้ เขาจึงชักชวนเทพธิดายู่หยาน มุ่งหน้าไปยังตำหนักแห่งนั้น แต่ก็มีแม่ทัพอสูรตนหนึ่งเข้ามาขวางเอาไว้


แม่ทัพอสูรผู้นี้มีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่หัวของเขาเป็นแพะและมีเส้นผมเป็นเปลวเพลิง มือของเขามีกรงเล็บราวกับพยัคฆ์ มีหางดั่งจระเข้ ในมือถือดาบเล่มใหญ่ สวมเกราะขนาดใหญ่ที่ไหล่ทั้งสองข้างและเอว ชื่อของเขาคือ เห่าซานหยาง [火山羊:แพะไฟ]


“หากเจ้าคิดจะมุ่งหน้าไปยังตำหนักอสูรฟ้า พวกเจ้าต้องล้มข้าให้ได้ก่อน” เห่าซานหยางพูดขณะที่ชี้ดาบมาที่เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยาน


“ข้าจะเป็นผู้รับมือกับเจ้าเอง!” เนี่ยลี่เรียกกระบี่เทพอัสนีดาวตกออกมาในมือ และเรียกชุดเกราะนักรบเทพวิญญาณออกมาปกคลุมร่างกายของเขา


“จงรับมือ ดาบเพลิงอสูร!” เห่าซานหยางฟันดาบใส่เนี่ยลี่ในทันที ด้วยพลังในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้า เมื่อฟันดาบที่มีเปลวไฟลุกโชนอยู่ออกมา เปลวเพลิงอสูรก็พุ่งมาทางเนี่ยลี่ในทันที


เนี่ยลี่ฟันกระบี่เทพอัสนีดาวตกสวนกลับไป เปลวไฟที่พุ่งมานั้นแตกกระจายออกไปเป็นเสี่ยง ๆ และมีประกายดั่งสายฟ้าขึ้นมาทั่วกระบี่ เขาฟันกระบี่ออกไปอีกครั้งทันที


สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปหาเห่าซานหยางอย่างรวดเร็ว  เห่าซานหยางใช้ดาบเพลิงอสูรต้านรับเอาไว้ แต่ด้วยความรุนแรงของสายฟ้า ทำให้เห่าซานหยางถูกผลักถอยหลังไปหลายก้าว


“ต้านรับเอาไว้ได้เช่นนั้นหรือ ถ้าเช่นนั้นจงรับไปอีกที!” เนี่ยลี่กระโดดเข้าไปหาเห่าซานหยางและฟันกระบี่เทพอัสนีดาวตกลงไปที่เห่าซานหยางทันที


เปรี้ยง! เปรี้ยง!


เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าจะถล่มลงมาพร้อมกับสายฟ้าจากกระบี่เทพอัสนีดาวตก


เห่าซานหยางยังคงใช้ใช้ดาบเพลิงอสูรต้านรับเอาไว้ แต่ร่างกายของเขาเริ่มรู้สึกเจ็บปวดจากสายฟ้าที่ค่อย ๆ ไหลเข้ามาในร่างกายของเขา เขาตะโกนคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว และออกแรงใช้ดาบเพลิงอสูรผลักกระบี่เทพอัสนีดาวตก ทำให้เนี่ยลี่ต้องกระโดดถอยออกไป


“หากระดับพลังของเจ้าทัดเทียมข้า เจ้าคงจะได้รับชัยชนะไปแล้ว แต่พลังของข้านั้นเหนือกว่าเจ้าถึงห้าขั้น” เห่าซานหยางพูดขณะที่ถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดออกมา


“ระดับพลังของข้าอาจจะด้อยกว่าเจ้าห้าขั้นจริง แต่อาวุธของข้านั้นเหนือกว่าเจ้าหลายเท่านัก” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาขณะที่ประกายแสงจากสายฟ้าค่อย ๆ มารวมตัวกันอยู่ที่กระบี่เทพอัสนีดาวตก


“ช้าเกินไป!” เห่าซานหยางตะโกนออกไปขณะที่พุ่งเข้ามาใกล้เนี่ยลี่ และฟันดาบเพลิงอสูรไปที่ลำตัวของเนี่ยลี่ ที่กำลังรวบรวมพลังสายฟ้าอยู่


ตูมม!


เสียงดาบเพลิงอสูรปะทะเข้ากับร่างของเนี่ยลี่อย่างรุนแรง แต่ราวกับว่าดาบเพลิงอสูรจะถูกขวางเอาไว้ด้วยคลื่นพลังที่มองไม่เห็น มันคือพลังจากชุดเกราะนักรบเทพวิญญาณที่จะสร้างม่านพลังขึ้นมาห่อหุ้มร่างกายของเนี่ยลี่เอาไว้


“ข้าคงจะยังมิได้บอกเจ้า เกราะของข้านั้นก็เหนือกว่าดาบของเจ้าหลายขั้นเช่นกัน” เนี่ยลี่พูดขณะที่ฟันกระบี่เทพอัสนีดาวตกเข้าที่คอของเห่าซานหยาง


คอของเห่าซานหยางขาดในทันที เมื่อเขาสิ้นใจทหารอสูรใต้สังกัดของเขาก็พุ่งเข้ามาหาเนี่ยลี่ด้วยความโกรธแค้น


เทพธิดายู่หยานใช้ผ้าไหมของนางเข้าไปขวางทหารอสูรเหล่านั้น ด้วยความคมของผ้าไหมของนาง ทหารอสูรที่สัมผัสผ้าไหมของนาง ร่างกายของพวกมันก็ถึงกับขาดเป็นชิ้น ๆ


สงครามด้านนอกนี้ใกล้ที่จะจบลงแล้ว พวกเนี่ยลี่สามารถจัดการกับกองกำลังอสูรของนิกายอสูรฟ้าได้จนหมด ตอนนี้เหลือเพียงประมุขของนิกายอสูรฟ้าเท่านั้น


หลงยู่อินและหลี่ชิงอวิ๋นคลายการผสานร่าง และทุกคนก็มารวมตัวกันที่เนี่ยลี่ และมุ่งหน้าไปยังตำหนักอสูรฟ้า


ตำหนักอสูรฟ้า
         

       พวกเนี่ยลี่มาอยู่ด้านหน้าของตำหนักอสูร มีประตูหินขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นอยู่ เนี่ยลี่ทำการผลักประตหิน แต่ดูเหมือนว่าจะเปิดออกได้อย่างง่ายดาย ไม่มีการใส่กลอนไม้สลักอยู่แต่อย่างใด
         

     ภายในตำหนักอสูรเป็นทางเดินลึกเข้าไป มีเพียงแสงไฟจากไฟที่จุดไว้ตามทางเท่านั้น และดเหมือนว่าจะไม่มีอสูรตนอื่นอยู่แต่อย่างใด พวกเขาค่อย ๆ เดินเข้าไปและสำรวจดูห้องต่าง ๆ ระหว่างทาง
         
     “ดูเหมือนว่ามันจะกว้างกว่าที่ข้าคิดเอาไว้” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาขณะที่สำรวจดูโดยรอบ
         

     “ทางด้านนี้ดูเหมือนจะเป็นห้องสมบัติ” กู้เบ่ยพูดขึ้นมาด้วยความยินดี ในห้องที่เขาเจอมีศิลาแก่นจิตวิญญาณทองคำวางกองอยู่ราวกับภูเขานับร้อยล้านก้อน และยังมีอาวุธและชุดเกราะวางอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน
         

        “พวกเราจะเก็บสมบัติทั้งหมดกลับไป” เนี่ยลี่บอกให้ทุกคนช่วยกันเก็บสมบัติในห้องนี้ไป เมื่อเก็บไปทั้งหมด เนี่ยลี่ก็ได้เห็นศิลาดวงจิตอสูรก้อนหนึ่งวางอยู่บนแท่น
         

      “นี่มันดวงจิตอสูรจู่ลี่ [距离:ระยะทาง]” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยความยินดี
         

      “มันสามารถทำอันใดได้?” ลู่เพียวอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
         

       “มันใช้สำหรับการเดินทาง เมื่อจบธุระที่อาณาจักรแห่งนี้ข้าจะใช้ให้เจ้าดูเอง” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้ม ในเวลานี้จิตอสูรสำหรับต่อสู้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขาอีกแล้วเขาเก็บดวงจิตอสูรจู่ลี่เอาไว้ผสานในภายหลัง
         

    “ดูเหมือนว่าด้านหน้านี้จะเป็นห้องโถงใหญ่” หลี่ชิงอวิ๋นพูดขึ้นมา เมื่อมายืนหน้าประตูใหญ่ที่อยู่ด้านใน
         

    “ทุกคนระวังตัวให้ดี ข้าจะเปิดเข้าไปแล้ว” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับผลักประตเข้าไป
         

     ดูเหมือนว่าที่แห่งนี้จะเป็นห้องโถงใหญ่ ภายในห้องโถงนี้ราวกับว่าเป็นสถานที่ ที่ถูกใช้สำหรับต่อสู้เมื่อไม่นานมานี้ มีซากปรักหักพังอยู่เป็นจำนวนมาก


เมื่อมองขึ้นไปด้านบนมีเก้าอี้สามตัวอยู่ด้านบน และมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่อยู่ตรงกลาง
         

   “พวกเจ้าทำอันใดอยู่ จึงได้มาถึงห้องนี้ชักช้ายิ่งนัก” เสียงเย็นยะเยือกของชายผู้หนึ่งพูดขึ้นมา
         
        “จอมมาร!” เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ.................จบตอน

[ตอนหน้าจะเป็นการเล่าย้อนกลับไปฉากต่อสู้ระหว่างจอมมารและประมุขของนิกายอสูรฟ้า]



แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง