ในตอนนี้ทุกคนพกศิลาเร้นเมฆาปิดกั้นระดับพลังของทุกคนไม่ให้เกินกว่าระดับเทพสงคราม
“เดิมพันอันใดกัน
หากเจ้าพ่ายแพ้ก็ต้องถูกพวกนิกายอสูรฟ้าสังหารจนหมด
แล้วใครที่ไหนจะมาชำระเงินเดิมพันให้กับข้า”
กั้วหวางเทียนพูดออกมาด้วยถ้อยคำที่ดูถูก
“วันนี้ข้าได้พาเถ้าแก่ฟู่มาด้วย
เขาจะเป็นผู้ชำระเงินเดิมพันหากว่าข้านั้นเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้”
เนี่ยลี่ได้เชิญเถ้าแก่ฟู่มายืนที่ด้านหน้า เพื่อให้เขายืนยัน
“ท่านประมุขกั้ว
ไม่ว่าพวกท่านจะเดิมพันกันสักเท่าใด
ร้านแลกเงินของข้าจะรับผิดชอบเงินเดิมพันของคุณชายเนี่ยเอง”
เถ้าแก่ฟู่ประสานมือและก้มศีรษะพูดออกไปอย่างนอบน้อม
ในตอนนี้เถ้าแก่ฟู่รู้ดีว่าเนี่ยลี่นั้นร่ำรวยมากเพียงไหน
และเนี่ยลี่ยังยินดีที่จะแบ่งรางวัลที่ได้รับจากการเดิมพันให้แก่เขาถึงหนึ่งในห้าส่วน
“ถ้าเช่นนั้น
ข้าจะเดิมพันกับพวกเจ้าด้วยเงินห้าสิบล้านศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
เมื่อพวกเจ้ามั่นใจนัก หวังว่าคงจะไม่ปฏิเสธการเดิมพันในคราวนี้”
กั้วหวางเทียนพูดจาท้าทาย เมื่อเนี่ยลี่กล้าที่จะอวดดี
เขาจึงคิดที่จะทำให้เนี่ยลี่นั้นอับอาย และถอนตัวจากการเดิมพัน
“ห้าสิบล้านศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
ข้าคิดว่านิกายพิทักษ์สวรรค์จะมั่งคั่งกว่านี้เสียอีก ข้าตกลง!” เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
“หากไม่มีกำหนดเวลา
ก็คงจะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะรู้ผลการเดิมพัน ข้าให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน
หากหนึ่งเดือนยังไม่รู้ผลให้ถือว่าเจ้าเป็นฝ่ายที่แพ้ในการเดิมพันครั้งนี้” กั้วหวางเทียนเห็นท่าทีอวดดีของเนี่ยลี่จึงอดไม่ได้ที่จะกดดันด้วยเวลา
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอต่อรองเล็กน้อย
เราเดิมพันกันเรื่องที่ข้าต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะเท่านั้น
ข้าจะไม่รับผิดชอบในการปกป้องสิ่งใดทั้งสิ้น” เนี่ยลี่พูดออกไป
เมื่อเห็นว่ากั้วหวางเทียนเริ่มที่จะเพิ่มข้อตกลงมากขึ้นเขาก็มีสิทธิ์เรียกร้องเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“เรื่องนั้นข้าตกลง
เจ้ามีเวลาหนึ่งเดือนนับจากวันพรุ่งนี้”
กั้วหวางเทียนตัดสินใจที่จะจบเงื่อนไขเพียงเท่านี้
“ข้าได้ยินมาว่านิกายอสูรฟ้าบุกยึดทะเลสาบแห่งเทพของนิกายพิทักษ์สวรรค์ไปแล้วถึงสองแห่ง
เพื่อความปลอดภัยข้าคิดว่าท่านควรจะถอนกำลังทั้งหมดออกมาจากป่าก่อน
เพื่อที่จะไม่ได้ขวางมือขวางเท้ากองกำลังของข้า”
เนี่ยลี่พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลนกองกำลังของนิกายพิทักษ์สวรรค์
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้นข้าจะสั่งการลงไป
หลังจากพ้นคืนนี้ไป กองกำลังของนิกายพิทักษ์สวรรค์จะเคลื่อนกำลังพลออกจากป่าทั้งหมด
และทันทีที่ข้าได้ข่าวการพ่ายแพ้ของเจ้า ข้าจะให้กองกำลังทั้งหมดบุกเข้าไปในป่าทันที”
กั้วหวางเทียนกัดฟันพูดด้วยความโมโห ที่เนี่ยลี่พูดจาดูถูกกองกำลังของเขาเช่นนั้น
“ถ้าเช่นนั้น
พรุ่งนี้เช้าพวกข้าจะเริ่มทำศึก เช่นนั้นแล้ววันนี้ข้าคงต้องขอตัว”
เนี่ยลี่ประสานมือก้มศีรษะและกล่าวลา
เมื่อเห็นพวกเนี่ยลี่หันหลังกลับไป
กั้วหวางเทียนก็หยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา และปาไปที่เนี่ยลี่ทันที
‘หากเจ้ามีความสามารถดั่งที่พูดเอาไว้
มีดสั้นแค่นี้เจ้าคงสามารถหลบได้สินะ’ กั้วหวางเทียนคิดอยู่ในใจ
แกร้ง!
แค่เพียงพริบตา
ลู่เพียวเรียกง้าวเทพนักรบสวรรค์ออกมา และปัดมีดสั้นเล่มนั้นทิ้งไป
โดยที่มิได้หันหลังกลับมาดู มีดสั้นที่ถูกปาออกมากระเด็นไปปักที่กำแพง
กั้วหวางเทียนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ตกใจเท่านั้น
“ขออภัยที่ต้องเสียมารยาท”
ลู่เพียวพูดขึ้นมาขณะที่เดินออกไปเป็นคนสุดท้ายตอน
เช้าวันต่อมา
เนี่ยลี่และกองกำลังของเขายืนอยู่ตรงทางเข้าสู่ป่า
เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมแห่งพฤกษาตรวจสอบว่ายังมีมนุษย์เหลืออยู่ในป่าหรือไม่
เมื่อพบว่ายังมีกองกำลังบางส่วนแอบหลบซ่อนอยู่จึงหันมาพูดกับกองกำลังของนิกายพิทักษ์สวรรค์
ที่วางกำลังอยู่โดยรอบทันที
“ข้าได้ตกลงกับประมุขกั้วแล้วว่า
จะต้องไม่มีกองกำลังของนิกายพิทักษ์สวรรค์อยู่ในป่า แต่เห็นใดข้าจึงตรวจพบว่า
กองกำลังของพวกเจ้านับพันนาย แอบหลบซ่อนอยู่ด้านใน”
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่
หัวหน้ากองกำลังที่อยู่ตรงนั้นถึงกับหน้าถอดสี
พวกเขาได้รับคำสั่งได้แอบสอดส่องการต่อสู้และกลับไปรายงานแก่กั้วหวางเทียน
“เจ้าจะสั่งให้พวกเขากลับมาเองหรือจะให้ข้าจับพวกเขาโยนออกมา
และข้าจะไม่รับรองความปลอดภัยในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น”
เนี่ยลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา และชนเผ่าเมฆาสวรรค์เริ่มที่จะปลดปล่อยพลังลมปราณในระดับที่ใกล้เคียงกับ
ระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าออกมา ทำให้หัวหน้ากองกำลังรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก
“ข้าจะสั่งการให้ถอนกำลังออกมา”
หัวหน้ากองกำลังรีบสั่งการให้คนของเขากลับออกมาในทันที
“จากนี้ไปข้าจะปิดกั้นป่านี้ทั้งหมด
เพื่อไม่ให้พวกนิกายอสูรฟ้าบุกผ่านมาได้ ทุกคนเข้าไปในป่าได้แล้ว”
เนี่ยลี่สั่งให้ทุกคนเข้าไปในป่าตามแผนที่ได้วางเอาไว้
เขาเริ่มใช้พลังสัจธรรมแห่งพฤกษา
ควบคุมต้นไม้ให้เติบใหญ่และมีเถาวัลย์ผูกกั้นจนแน่นหนาราวกับกำแพง
มีช่องทางเดินให้เข้าไปเพียงช่องเดียว แต่ด้วยพื้นที่ป่ามีความกว้างหลายร้อยลี้
เนี่ยลี่จึงต้องใช้เวลาไม่น้อย
หลังจากที่สร้างกำแพงต้นไม้ปิดกั้นทางเข้าออกป่าจากทางฝั่งของนิกายพิทักษ์สวรรค์
เนี่ยลี่จึงรีบเข้าไปในป่า ทันทีที่เนี่ยลี่เข้าไป
ทางเข้านั้นก็ถูกปิดกั้นจนสนิทเช่นเดียวกัน
เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เหล่ากองกำลังของนิกายพิทักษ์สวรรค์ก็ได้แต่อ้าปากค้าง
พลังที่เนี่ยลี่ใช้ราวกับพระเจ้าเลยก็ว่าได้
ในตอนนี้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์มุ่งหน้าไปคุ้มครองทะเลสาบแห่งเทพห้าแห่งที่เหลือ
ส่วนพวกเนี่ยลี่มุ่งหน้าไปทะเลสาบแห่งเทพอีกแห่งที่เหลือ และเริ่มเขียนอักขระ จารึกโบราณเพื่อบีบให้รากเทวะปรากฏตัวออกมา
ใช้เวลาราวครึ่งชั่วยามเนี่ยลี่ก็สามารถจับรากเทวะตนแรกมาได้และโยนเข้าไปเก็บไว้ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังสัจธรรมแห่งพฤกษา ปกคลุมพื้นที่
ที่เคยมีทะเลสาบแห่งเทพตั้งอยู่ และมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบแห่งเทพแห่งที่สองต่อทันที
ระหวางที่เดินทางไปยังทะเลสาบแห่งเทพแห่งที่สองนั้น
เนี่ยลี่ตรวจพบว่ามีกองกำลังของนิกายอสูรฟ้าเข้ามาสอดแนม เขาจึงส่งสัญญาณให้กู้เบ่ย
หลี่ชิงอวิ๋น และ หลงยู่อินไปจัดการในทันที จนกว่าจะขโมยรากเทวะอีกห้าแห่งที่เหลือสำเร็จ
กองกำลังของนิกายอสูรฟ้าเข้ามาสอดแนมมีเพียงแค่สิบตนเท่านั้น
ด้วยความสามารถของทั้งสามคน ก็สามารถกำจัดได้อย่างรวดเร็ว
เนี่ยลี่ที่ไปถึงทะเลสาบแห่งเทพ
แห่งที่สองและรีบจับรากเทวะตนที่สองได้อย่างง่ายดาย
หลังจากนั้นก็ไปยังทะเลสาบแห่งเทพแห่งที่ สาม สี่ ห้าและหกตามลำดับ ทุกอย่างยังคงราบรื่นไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้
ในเวลานี้เนี่ยลี่ได้รากเทวะของอาณาจักรแห่งนี้ไปถึงสิบตน การทำงานในวันนี้ใช้เวลามากกว่าที่คิดเอาไว้
เนี่ยลี่จึงให้ทุกคนหาที่พักแรมในป่า
ในคืนนั้นเนี่ยลี่ได้เรียกทุกคนมาประชุมกันอีกครั้ง
จากนี้ไปจะเป็นการเริ่มสงครามที่แท้จริง ทะเลสาบแห่งเทพสิบแห่งของนิกายอสูรฟ้า
จะต้องมีกองกำลังเฝ้าอยู่อาจจะแห่งละหนึ่งแสนตนก็เป็นได้
และหลังจากขโมยรากเทวะแห่งแรกได้
กองกำลังของนิกายอสูรฟ้าที่ทะเลสาบแห่งเทพแห่งถัดไป
ก็จะต้องมีกองกำลังเฝ้าอยู่มากยิ่งขึ้น เนี่ยลี่จึงต้องวางแผนให้รัดกุม
พวกเขานั้นตัดสินที่จะไปยึดทะเลสาบแห่งเทพสองแห่งที่เคยเป็นของนิกายพิทักษ์สวรรค์ก่อน
เนื่องจากจะอยู่ห่างจากนิกายอสูรฟ้ามากทำให้กำลังเสริมไม่สามารถเดินทางมาได้อย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมาเนี่ยลี่แยกกำลังคนของเขาเป็นสี่กลุ่ม
กลุ่มแรกคือ ตัวเขาเอง ลู่เพียว และ เซี่ยวซุ่ย กลุ่มที่สอง กู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น
และหลงยู่อิน กลุ่มที่สามคือกองกำลังชนเผ่าเมฆาสวรรค์ และกลุ่มที่สี่คือ
จินตานและเทพธิดายู่หยาน
สำหรับทะเลสาบแห่งเทพแห่งแรกที่จะบุกเข้าโจมตี
ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ย ทำหน้าที่ในการบุกจู่โจมและเนี่ยลี่รอโอกาสที่จะเข้าไปขโมยรากเทวะ
ส่วนเทพธิดายู่หยานและจินตานนั้นจะอ้อมไปทางด้านหลัง
เพื่อปิดกั้นการเดินทางมาของกำลังเสริม
ส่วนกลุ่มของกู้เบ่ย
ให้มุ่งหน้าไปยังทะเลสาบแห่งเทพอีกแห่ง
และชนเผ่าเมฆาสวรรค์นั้นให้คอยเฝ้าระวังกำลังเสริมของนิกายอสูรฟ้าที่จะบุกมาช่วยที่ทะเลสาบแห่งเทพที่พวกกู้เบ่ยกำลังบุกโจมตี
ทะเลสาบแห่งเทพแห่งแรกนี้มีกองกำลังเฝ้าอยู่ราวหนึ่งแสนตน
ลู่เพียวทะยานออกไปเป็นคนแรก
ทุกครั้งที่เขาตวัดง้าว ลมปราณที่อาบอยู่บนคมง้าว ก็เฉือนทุกชีวิตที่อยู่ทิศทางเดียวกับการฟาดฟันของลู่เพียว
กองกำลังที่เฝ้าอยู่มีเพียงยอดฝีมือเผ่าอสูรที่มีความแข็งแกร่งระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่งและสองเท่านั้น
จึงไม่ใช่การต่อสู้ที่ลำบากนักสำหรับยอดฝีมือระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าอย่างลู่เพียว
เซี่ยวซุ่ยนั้นทำหน้าที่ในการสนับสนุนการต่อสู้ของลู่เพียว
นางนำผีผาคร่าวิญญาณออกมา ทุกครั้งที่นางดีดสายเพื่อบรรเลง
จะมีลมปราณพุ่งออกไปราวกับเข็ม หากถูกลมปราณนี้แทงจะค่อย ๆ หมดสติและตายไปอย่างสงบ
ราวกับได้ได้ฟังเสียงดนตรีอันไพเราะจนวิญญาณหลุดลอยออกไป
แต่ก็มีศัตรูบางตนที่สามารถหลุดรอดมาได้และพุ่งเข้าประชิดตัวเซี่ยวซุ่ย
นางจึงดึงส่วนปลายของผีผาคร่าวิญญาณออกมา ปรากฏว่าตรงส่วนปลายนั้นมีกระบี่หยกซ่อนอยู่
เมื่อนางฟันกระบี่ออกไป มันส่งเสียงหวีดแหวกผ่านอากาศและฟันพวกเผ่าอสูรขาดเป็นสองซีกในทันที
“นี่คงเป็นกระบี่หยกคร่าวิญญาณสินะ”
เซี่ยวซุ่ยอดทึ่งไม่ได้กับกระบี่หยกที่อยู่ในมือ นางนำกระบี่กลับไปเสียบที่ผีผาคร่าวิญญาณอีกครั้ง
ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงท่วงทำนองบทเพลงกล่อมวิญญาณอีกครั้ง
เมื่อได้เห็นทั้งสองต่อสู้เคียงคู่กัน
ทำให้เนี่ยอดที่จะยิ้มไม่ได้ ลู่เพียวในตอนนี้แตกต่างไปจากเดิมแล้ว
การมีครอบครัวทำให้เขาเติบใหญ่ขึ้น
แต่ด้วยกองกำลังนับแสนคน
การต่อสู้นี้คงไม่อาจที่จะจบลงได้อย่างรวดเร็วเป็นแน่ เนี่ยลี่คิด แต่ทันใดนั้นเอง
“ง้าวคลื่นวายุสวรรค์!”
ลู่เพียวจับตรงปลายง้าวและเหวี่ยงเป็นวงกลมรอบตัวทุกสิ่งที่อยู่รอบตัวของลู่เพียวในระยะครึ่งลี้
[หนึ่งกิโลเมตร] ถูกลมปราณวายุตัดจนหมดแม้แต่ต้นไม้ก็ถูกตัดจนเหลือแค่ตอเท่านั้น
ยังมีศัตรูที่กระโดดหลบได้ทัน
แต่ก็ถูกเซี่ยวซุ่ยจัดการได้จนหมด
ลู่เพียวยืนหอบอยู่
เขาทุ่มพลังแทบทั้งหมดไปกับการใช้กระบวนท่าง้าวคลื่นวายุสวรรค์
แต่ก็สามารถเก็บกวาดศัตรูได้ทั้งหมด
เนี่ยลี่เห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปยังใจกลางทะเลสาบแห่งเทพและเริ่มทำการขโมยรากเทวะออกมาในทันที
และในตอนนั้น ดูเหมือนว่าจะมีกองกำลังของนิกายอสูรฟ้าบุกเข้ามาที่ทะเลสาบแห่งเทพนี้
เทพธิดายู่หยานและจินตาน ทำหน้าที่เข้าจู่โจม โดยหน้าที่โจมตีหลักเป็นของจินตาน
จินตานพ่นเปลวไฟออกไปแผดเผาอสูร
ในคราวนี้เนี่ยลี่บอกให้จินตานสามารถโมตีโดยที่ไม่ต้องยั้งมือ
เปลวไฟของจินตานแผดเผาป่าในระยะหนึ่งลี้จนมอดไหม้
ทำให้พวกอสูรล้มตายไปอย่างรวดเร็ว เทพธิดายู่หยานนั้นมีหน้าที่จัดการกับกองกำลังที่พยายามหลบหนี
เทพธิดายู่หยานใช้ผ้าแพรที่สร้างจากลมปราณของนางเป็นอาวุธ
ยามที่นางสะบัดแขน ผ้าแพรเหล่านั้นก็คมกริบราวกับคมมีด สามารถตัดเฉือนทุกสิ่ง
และยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้อีกด้วย
สำหรับศึกแรกก็นับว่า
สามารถกำชัยได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก เนี่ยลี่จึงเริ่มทำการขโมยรากเทวะออกมา
และจับโยนเข้าไปในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
ในขณะเดียวกัน กู้เบ่ย
หลี่ชิงอวิ๋น และหลงยู่อิน ก็ได้มาถึงทะเลสาบแห่งเทพอีกแห่ง พวกเขาต้องพบกับกองกำลังขนาดใหญ่ของนิกายอสูรฟ้า
ดูเหมือนว่าพวกมันนั้นเตรียมการที่จะบุกเข้ามายึดครองทะเลสาบแห่งเทพ แห่งอื่น ๆ จึงทำให้มีกองกำลังหลายแสนตนอยู่ที่นี่.............จบตอน