“ท่านผู้นั้นคือเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
เป็นหนึ่งในหกคนที่ข้านั้นตามหาอยู่
และท่านจะเป็นผู้ตีอาวุธและชุดเกราะให้กับพวกเจ้าทุกคน”
เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับแนะนำให้เหล่าสหายได้รู้จักกับเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
“ง้าวเล่มนี้วิเศษกว่า
ง้าวที่ข้าได้รับมาจากปรมาจารย์เทียนอู่เสียอีก แต่เหตุใดท่านจึงปามันใส่ข้าเช่นนี้”
ลู่เพียวพูดขณะที่ลูบคลำง้าวเทพนักรบสวรรค์
“ข้าแค่ใช้ค้อนตีให้มันพุ่งออกไปหาเจ้าของเท่านั้น
อาวุธย่อมเลือกเจ้าของที่คู่ควรด้วยตัวของมันเอง และในตอนนี้มันก็ได้เลือกเจ้า”
เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงตอบกลับไป
“ดูเหมือนว่าน้ำหนักและขนาดของมันจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย”
ลู่เพียวพูดขึ้นมาขณะที่ถือง้าวอยู่
เขาก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเลHกน้อยของง้าวเทพนักรบสวรรค์
“มันจะปรับเปลี่ยนไปตามความสามารถของเจ้า
นี่คือขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับเจ้าในเวลานี้ ” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงตอบพร้อมกับลูบเคราของเขาด้วยความพึงพอใจกับผลงานชิ้นนี้
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส ข้าจะฝึกฝนเพื่อให้แข็งแกร่งคู่ควรกับง้าวที่ท่านได้ตีขึ้นมาเล่มนี้”
ลู่เพียวประสานมือพร้อมกับก้อมศีรษะขณะกล่าวคำขอบคุณ
“ได้เช่นนั้นก็ดี
จงอย่าลืมว่าภาระหน้าที่ของพวกเจ้าแบกเอาไว้บนไหล่มันหนักเสียยิ่งกว่าง้าวเล่มนี้เสียอีก”
แม้ว่าดูภายนอกลู่เพียวจะดูเป็นคนไม่เอาไหน แต่เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงก็รับรู้ได้ถึงความมุ่งมั่นในตัวของลู่เพียว
“แม่นางผู้นั้นข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอาวุธที่ข้าคุ้นเคย
เจ้าจงนำมันออกมาให้ข้าดูได้หรือไม่” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงชี้ไปที่เซี่ยวซุ่ยและพูดขึ้นมา
“ท่านหมายถึงสิ่งนี้เช่นนั้นหรือ?” เซี่ยวซุ่ยนำอาวุธของนางออกมาและนำไปยื่นให้กับเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
มันคือ ผีผา [琵琶 :ป็นเครื่องดนตรีจีนอย่างหนึ่ง มีลักษณะเป็นเครื่องสาย
เล่นด้วยการใช้นิ้วดีดสาย เครื่องดนตรีนี้มีรูปร่างเหมือนลูกแพร์]
“นี่มัน ผีผาคร่าวิญญาณ
มันคือผลงานที่ยังไม่สมบูรณ์ของข้า” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นขณะที่ถือ
ผีผาคร่าวิญญาณเอาไว้ในมือ
“ผีผาชิ้นนี้
เป็นหนึ่งในอาวุธที่เป็นดั่งสมบัติของนิกายเสียงสวรรค์ของข้า
มันคือผลงานของท่านเช่นนั้นหรือ?”
เซี่ยวซุ่ยถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
“ในตอนที่ข้าเข้าสู่วิถีแห่งการสร้างสรรค์ศาสตราวุธ
ข้าเคยได้สร้างเครื่องดนตรีชิ้นนี้ขึ้นมา
แต่ด้วยความด้อยประสบการณ์ของข้ามันจึงยังไม่สมบูรณ์ ในส่วนนี้” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดพร้อมกับดึงส่วนปลายของผีผาออกมา
“ท่านผู้อาวุโส!” เซี่ยวซุ่ยอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
นางไม่รู้มาก่อนเลยว่าสามารถถอดตรงส่วนนี้ได้
“ข้าจะทำมันให้สมบูรณ์
เมื่อสำเร็จแล้วมันจะกลายเป็นอาวุธวิเศษในระดับพระเจ้า
เจ้าสามารถมารับได้ในอีกสามวันข้างหน้า” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดด้วยความยินดี
เขาเคยคิดว่าหากมีโอกาสจะต้องค้นหาอาวุธที่ยังไม่สมบูรณ์ของเขามาทำให้เสร็จสมบูรณ์
ไม่คิดเลยว่าโอกาสนั้นจะมาถึงรวดเร็วนัก [ไม่ใช่การสร้างใหม่ทั้งชิ้นจึงใช้เวลาน้อยกว่าง้าวเทพนักรบสวรรค์]
“ต้องลำบากท่านผู้อาวุโสแล้ว”
เซี่ยวซุ่ยประสานมือพร้อมกับก้มศีรษะกล่าวขอบคุณอย่างนอบน้อม
“โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสเถี่ยเจี้ยง
ตีง้าวเทพนักรบสวรรค์เสร็จได้ทันก่อนที่จะทำศึก
จากนี้ไปข้าจะย้ายท่านและร้านของท่านเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ”
เนี่ยลี่สะบัดแขนขวาของเขาสร้างพื้นที่ครอบคลุมร้านตีเหล็กของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
และนำเข้าไปไว้ด้านในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
สำหรับป้ายชื่อร้านนั้นฮัวเตี่ย ได้นำไปติดที่ร้านตีเหล็กแห่งใหม่แล้ว
เมื่อได้เข้าไปอยู่ในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงรู้สึกสงบยิ่งนักเมื่อได้เข้ามาอยู่ข้างในนี้
ยิ่งอยู่ในสถานที่สงบมากเท่าใด การทำงานของเขาก็จะยิ่งราบรื่นมากยิ่งขึ้นเขาจึงเริ่มทำการปรับปรุงผีผาคร่าวิญญาณของเซี่ยวซุ่ย
“เจ้ายังไม่ได้บอกเหตุผลที่เรียกพวกเรามายังอาณาจักรแห่งนี้”
กู้เบ่ยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป ขณะที่พวกเขาเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยม
“ข้าแค่เพียงจะให้พวกเจ้า
มารับอาวุธใหม่ก็เท่านั้น” เนี่ยลี่หัวเราะและตอบกลับไป
“เจ้าบอกว่า
โชคดีที่ท่านผู้อาวุโสเถี่ยเจี้ยง ตีง้าวเทพนักรบสวรรค์เสร็จได้ทันก่อนที่จะทำศึก
ศึกที่ว่าคือเหตุผลที่แท้จริงใช่หรือไม่?”
หลี่ชิงอวิ๋นถามออกไป
“ข้าปิดพี่ชิงอวิ๋นไม่ได้จริง
ๆ สินะ อีกไม่กี่วันเราจะทำศึกกับนิกายอสูรฟ้า ข้าเรียกทุกคนมาก็ด้วยเหตุนี้
พวกเราจะกลับไปคุยเรื่องนี้กันที่โรงเตี๊ยม” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
เมื่อกลับถึงโรงเตี๊ยมทุกคนก็มารวมตัวกันที่ห้องพักของเนี่ยลี่
และเนี่ยลี่ก็ได้เรียกเสวียนอวี่มาร่วมประชุมด้วย
“ศัตรูมีจำนวนเท่าใดกัน?”
หลงยู่อินที่ยืนอยู่กับเซี่ยวซุ่ยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาบ้าง
“คงจะราว
ๆ ร้อยล้าน
ฝั่งเราจะมีเพียงข้ากับพวกเจ้าและชนเผ่าเมฆาสวรรค์สามร้อยคนที่พวกเจ้าพามา
และก็มีพี่ยู่หยานและจินตานเท่านั้น” เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไป
“ร้อยล้านกับสามร้อยกว่าคนเช่นนั้นหรือ?” เซี่ยวซุ่ยถามออกไปด้วยความตกใจ
“ต่างกันก็แค่จำนวนเท่านั้น
ระดับพลังของพวกเจ้าล้วนบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้ากันแล้ว
ยอดฝีมือระดับเทพสงครามไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า”
เนี่ยลี่โบกมือเพื่อให้ทุกคนคลายกังวล
“ที่สำคัญข้ามีเป้าหมายอื่นสำหรักศึกในคราวนี้”
เนี่ยลี่ยิ้มและเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกไป
“เจ้ามีแผนการรบเช่นใดบ้าง?” หลี่ชิงอวิ๋นถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
การที่ต้องต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากจะต้องมีแผนการรบที่ดี
“แน่นอน
ขอให้ทุกคนดูแผนที่นี้ให้ดี” เนี่ยลี่หยิบกระดาษขึ้นมาเขียนแผนที่ของอาณาจักรแห่งนี้
ที่เขาได้ไปสำรวจมาแล้ว
“ทะเลสาบพวกนั้นคือทะเลสาบแห่งเทพใช่หรือไม่?” กู้เบ่ยชี้ไปยังแผนที่
มีจุดที่บ่งชี้ว่าเป็นทะเลสาบอยู่ยี่สิบแห่ง มีสี่แห่งที่เนี่ยลี่กากบาดทิ้งไปแล้ว
“ถูกต้องแล้ว
ขั้นแรกข้าจะให้กองกำลังของนิกายพิทักษ์สวรรค์ ออกจากป่าทั้งหมด
และข้าจะไปขโมยรากเทวะ จากทะเลสาบแห่งเทพของทางฝั่งนิกายพิทักษ์สวรรค์มาทั้งหมด
โดยเริ่มจากทางตะวันตกไปทางตะวันออก
และเราจะให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์กระจายกำลังป้องกันมิให้พวกนิกายอสูรฟ้าบุกเข้ามาที่ทะเลสาบแห่งเทพทั้งแปดแห่ง”
เนี่ยลี่ชี้ไปตามจุดที่จะให้กองกำลังจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์วางกองกำลังเอาไว้และมองไปยังเสวียนอวี่
“ข้าเข้าใจแล้ว
นายท่าน เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง” เสวียนอวี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“หน้าที่ของพวกข้าเล่า?” กู้เบ่ยถามออกไป
“ในวันแรกที่ข้าต้องไปจับรากเทวะจากทะเสาบแห่งเทพแปดแห่งแรก
พวกเจ้ามีหน้าที่คุ้มครองให้ข้าทำภารกิจให้สำเร็จ
ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันหลังจากนั้น
พวกเราทั้งหมดจะถอนกำลังกลับมาพักผ่อนในเมือง” เนี่ยลี่อธิบายอย่างช้า ๆ
“ในวันที่สอง
พวกเราจะเริ่มบุกยึดทะเลสาบแห่งเทพของนิกายอสูรฟ้า ในแต่ละแห่งจะมีกองกำลังอสูรอยู่นับหมื่น
กู้เบ่ย ยู่อิน พี่ชิงอวิ๋น ทั้งสามคนมีหน้าที่จัดการกับกองกำลังพวกนั้น
ลู่เพียวและเซี่ยวซุ่ยให้อยู่ข้างกาย คุ้มครองข้าตอนที่ขโมยรากเทวะออกมา
สำหรับกองกำลังของชนเผ่าเมฆาสวรรค์จะมีหน้าที่ขัดขวางไม่ให้พวกมันส่งกำลังเสริมมายังทะเลสาบแห่งเทพที่เรากำลังบุกยึด”
เนี่ยลี่พูดแล้วนิ่งเงียบไปเพื่อรอฟังความเห็นจากคนอื่น ๆ
“หลังจากนั้น
ก็จะบุกโจมตีทะเลสาบแห่งเทพแห่งอื่น ๆ และดำเนินการตามสถานการณ์สินะ”
หลี่งชิงอวิ๋นพูดขึ้นมาเป็นคนแรก
“หลังจากที่เรายึดครองทะเลสาบแห่งเทพแห่งแรกได้
พวกนิกายอสูรฟ้าก็จะรู้ว่าเป้าหมายของเราคือสิ่งใด
สำหรับทะเลสาบแห่งต่อไปต้องไม่ใช่เรื่องง่ายแน่!”
กู้เบ่ยพูดเสริมขึ้นมา
“เพื่อปกปิดเป้าหมายที่แท้จริงของเราจากนิกายพิทักษ์สวรรค์
เราจะไม่มีการขอกำลังเสริมจากนิกายพิทักษ์สวรรค์ ดังนั้นพวกเราจะต้องทำภารกิจนี้ด้วยกำลังเท่าที่มีของพวกเรา”
เนี่ยลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าไปพบกับประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์
เพื่อตกลงสัญญาบางอย่าง” เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับยิ้ม
และให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ในค่ำคืนนั้นหลังจากที่เซี่ยวซุ่ยนอนหลับแล้ว
ลู่เพียวได้ตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อฝึกใช้ง้าวเล่มใหม่ เขาสำนึกได้ว่า
เขานั้นไม่เคยเปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ทั้งขี้เกียจ ทั้งพูดอะไรไม่คิด
ในตอนนี้เขานั้นไม่ใช่เด็กอีกแล้ว เขามีครอบครัว เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง
เขาจึงได้พยายามที่จะไม่เป็นตัวถ่วงของใครอีก เซี่ยวซุ่ยได้ยินเสียงจึงตื่นมาและเห็นการฝึกของเขา
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นของลู่เพียว นางก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
ทางด้านเนี่ยลี่หลังจากที่เดินทางมายังอาณาจักรกำแพงสวรรค์ เขาไม่มีเวลาในการบ่มเพาะพลังมากเท่าใดนัก
เขาจึงดื่มยาทิพย์และเริ่มทำการบ่มเพาะพลัง ระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นมาในทันที
ตอนนี้เขานั้นบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่สองแล้ว และดูเหมือนว่าหลังจากที่พลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้ที่เริ่มมั่นคงแล้ว
จะช่วยเกื้อหนุนให้ระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีก และเข้าสู่ระดับเพทสงครามขั้นที่สามทันที
เนี่ยลี่ลืมตาขึ้นมาด้วยความยินดี
เขาไม่คิดเลยว่าจะสามารถบรรลุได้ถึงสองระดับในเวลาไม่นานนัก
เขาจะต้องบรรลุระดับพลังในขั้นขอบเขตแห่งพระเจ้าให้รวดเร็วที่สุด
ไม่เช่นนั้นการเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์คงเป็นได้เพียงความฝันเท่านั้น
สามวันต่อมาระดับพลังของเนี่ยลี่
ใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามขั้นที่สี่แล้ว
ทางด้านลู่เพียวก็สามารถใช้ง้าวเทพนักรบสวรรค์ได้อย่างคล่องแคล่ว ส่วนหลี่ชิงอวิ๋น
หลงยู่อิน และกู้เบ่ย ต่างช่วยกันวางแผนการต่อสู้ของเนี่ยลี่ให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ในวันนี้เนี่ยลี่ได้ออกไปสืบข่าวภายในเมือง
และได้ยินมาว่าทะเลสาบแห่งเทพของนิกายพิทักษ์สวรรค์ถูกนิกายอสูรฟ้ายึดครองไปถึงสองแห่ง
ทำให้ในตอนนี้นิกายพิทักษ์สวรรค์ครอบครองทะเลสาบแห่งเทพเพียงแค่ห้าแห่งเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนของข้าเสียแล้ว”
เนี่ยลี่พูดกับตัวเองก่อนที่จะเดินทางกลับมายังโรงเตี๊ยมและพาเซี่ยวซุ่ยเข้าไปในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำเพื่อไปรับอาวุธของนาง
ภายในภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
ทันทีที่นางไปยืนอยู่ตรงหน้าเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ผีผาคร่าวิญญาณก็ค่อย ๆ ลอยมาอยู่ตรงหน้าของเซี่ยวซุ่ย นางเอื้อมมือมาจับ และพบว่าผีผาคร่าวิญญาณนั้นมีความเงางามเสียยิ่งกว่าในตอนแรก
นางลองใช้นิ้วบรรเลงดู พบว่าเสียงของมันก็ใสกังวาล ราวกับมีสายลมเอื่อย ๆ พัดมา
จนรู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณกำลังจะหลุดลอยขึ้นไปบนสรวงสวรรค์
“ท่วงทำนองบทเพลงกล่อมวิญญาณ
นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงกล่าวชื่นชม
“ท่านกล่าวชมเกินไปแล้ว”
เซี่ยวซุ่ยหยุดบรรเลงและประสานมือแสดงความขอบคุณอย่างนอบน้อม
“สำหรับอาวุธที่อยู่ด้านบนนั้น
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมเจ้าจะรู้เองว่าจะใช้งานมันเช่นใด” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ได้บอกออกไป ก่อนที่จะหันกลับไปเตรียมอุปรณ์สำหรับทำอาวุธชิ้นต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าก็ไม่รบกวนท่านผู้อาวุโสเถี่ยเจี้ยงแล้ว
พวกข้าขอตัว” เนี่ยลี่ประสานมือพร้อมกับก้มศีรษะเพื่อกล่าวลาเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
“ข้าเองก็เช่นกัน”
เซี่ยวซุ่ยก็ทำท่าทางเช่นเดียวกัน ก่อนที่จะกลับออกไปด้านนอก
เมื่อกลับออกมา เนี่ยลี่ก็พาทุกคนไปเข้าพบประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์
และเนี่ยลี่ได้แวะไปเชิญเถ้าแก่ฟู่ให้ติดตามไปด้วย
ห้องโถงใหญ่นิกายพิทักษ์สวรรค์
“นี่หรือกองกำลังที่เจ้าว่า
ข้าเห็นเพียงยอดฝีมือจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์เพียงแค่สามร้อยคน และพวกเจ้าอีกไม่กี่คนเท่านั้น”
กั้วหวางเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง ที่ได้เห็นกองกำลังที่เนี่ยลี่อวดอ้างยืนอยู่ด้านนอกห้องโถง
“กองกำลังของข้าเพียงเท่านี้ก็สามารถได้รับชัยแล้ว
หากประมุขกั้วไม่คิดเช่นนั้น เรามาวางเดิมพันกันดูก็ได้” เนี่ยลี่พูดกลับไปด้วยท่าทางที่อวดดี……………….จบตอน