เนี่ยลี่ได้ผลิตยารักษาอาการบาดเจ็บชนิดต่าง
ๆ และให้เถ้าแก่ฟู่นำออกไปขาย
พร้อมกับหาซื้ออาวุธและชุดเกราะระดับพระเจ้ามาขายให้แก่เขา
ในตอนนี้อาวุธและเกราะวิเศษระดับพระเจ้า เนี่ยลี่สามารถซื้อมาได้นับร้อยชิ้นแล้ว
หลังจากนั้นเนี่ยลี่จึงตัดสินใจที่จะเข้าพบกับผู้นำนิกาย
ของนิกายพิทักษ์สวรรค์ เทพธิดายู่หยานนั้น
บัดนี้ระดับพลังของนางใกล้ที่จะบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าไปด้วย
แม้แต่ยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเท่ากัน
ก็ยังมีพลังด้อยกว่านางหลายเท่า ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิเสธการขอเข้าพบของเนี่ยลี่และนาง
ห้องโถงใหญ่นิกายพิทักษ์สวรรค์
ประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์
นั่งอยู่บนบันลังค์ และด้านข้างก็มีผู้อาวุโสหลายท่าน
รวมถึงขุนนางและนายทหารใหญ่อีกหลายคนยืนอยู่รอบข้าง ประมุขของนิกายพิทักษ์สวรรค์นั้นเป็นชายวัยกลางคน
ที่มีใบหน้าบูดบึ้ง ราวกับนายทหารผู้หยิ่งทะนง
สามชุดเกราะสีแดงที่มีเสื้อคลุมสีขาวอยู่ด้านหลัง
เขานั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้า เขาจับจ้องมองมาที่เนี่ยลี่และเทพธิดายู่หยาน
“พวกเจ้ามาจากที่ใดกัน
จึงมาขอพบกับข้าเช่นนี้” กั้วหวางเทียน [国王天:กษัตริย์สวรรค์]ประมุขแห่งนิกายพิทักษ์สวรรค์พูดขึ้นมา
เขารู้สึกหวาดหวั่นกับระดับพลังของเทพธิดายู่หยานไม่น้อย แม้ว่าจะอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าเช่นกัน
แต่พลังของนางกลับสูงกว่าเขาหลายขั้น
“ข้าคือเนี่ยลี่ประมุขแห่งนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
จากอาณาจักรซากมังกร ส่วนนี่คือพี่สาวของข้า นางคือเทพธิดายู่หยาน”
เนี่ยลี่พูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ และไม่มีความหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
“พวกเจ้านั้น
มีธุระอันใดจึงเดินทางมายังอาณาจักรกำแพงสวรรค์แห่งนี้”
กั้วหวางเทียนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
ที่เนี่ยลี่ไม่ได้มีหวาดหวั่นเกรงในตัวเขาทั้งที่
เนี่ยลี่มีระดับพลังอยู่แค่เพียงเทพสงครามขั้นที่หนึ่งเท่านั้น
“ในขณะที่พวกข้าพักอยู่ในโรงเตี๊ยม
ก็ได้ข่าวมาว่านิกายพิทักษ์สวรรค์ นั้นกำลังมีสงครามกับนิกายอสูรฟ้า
เนื่องจากพวกท่านและข้า เราต่างก็เป็นมนุษย์
ข้าจึงต้องการให้ความช่วยเหลือในสงครามครั้งนี้”
เนี่ยลี่พูดออกไปพร้อมกับยืดอกอย่างผึ่งผาย
“พวกเจ้ามีเพียงแค่สองคน
จะทำอันใดได้?” กั้วหวางเทียนพูดด้วยความดูหมิ่น
“ข้าสามารถเรียกกองกำลังของข้ามาจากอาณาจักรซากมังกรได้
ด้วยกองกำลังของข้าสามารถกำจัดนิกายอสูรฟ้าได้อย่างง่ายดาย”
เนี่ยลี่พูดออกไปโดยที่ไม่ใส่ใจต่อน้ำเสียงอันเหยียดยามของกั้วหวางเทียน
“หากพวกเจ้าสามารถทำได้เช่นนั้นจริง
พวกเจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า” กั้วหวางเทียนเปลี่ยนน้ำเสียงเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทีของเนี่ยลี่
“ข้าต้องการเพียงการทำสัญญาพันธมิตรกับนิกายพิทักษ์สวรรค์”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป เมื่อมีสัญญาพันธมิตร นิกายพิทักษ์สวรรค์ก็ไม่อาจที่จะรุกรานอาณาจักรซากมังกรได้
และหากเกิดสงคราม ก็จะไม่ปฏิเสธคำร้องของของเนี่ยลี่ได้
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกั้วหวางเทียน
ก็นิ่งเงียบครุ่นคิดพร้อมกับมองเหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในห้องโถงเพื่อถามความเห็น
แต่ก็ไม่มีใครแสดงท่าทีอันใดออกมา
“ต้องใช้เวลานานแค่ไหน
กองกำลังของเจ้าจึงจะเดินทางมาถึง?”
กั้วหวางเทียนถามออกไปด้วยความกังวล ในตอนนี้สงครามก็เริ่มประทุขึ้นหลายจุดแล้ว
สิ่งที่เนี่ยลี่เรียกร้องก็ไม่ใช่สิ่งที่ยอมรับไม่ได้
“หากท่านประมุขกั้วหวางเทียน
ตอบรับข้าจะส่งข่าวไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
ข้าคิดว่าคงใช้เวลาไม่เกินเจ็ดวันจึงจะเดินทางมาถึง” เนี่ยลี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อคิดถึงจำนวนคนคงจะใช้เวลามากกว่าจตอนที่เขาเดินทางมาเป็นแน่
“ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า
แต่ในสัญญาจะต้องระบุว่า
จะมีผลก็ต่อเมื่อเจ้าสามารถกำจัดนิกายอสูรฟ้าได้แล้วเท่านั้น!” กั้วหวางเทียนยื่นข้อเสนอกลับคืนไป
“ข้าไม่ขัดข้อง”
เนี่ยลี่ประสานมือและตอบกลับไป
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ได้ออกมาด้านนอกกำแพง
และเขียนจดหมายให้จินตานนำไปส่งแก่กู้หลาน ด้วยความเร็วของจินตาน
คงใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
และเนี่ยลี่ก็กลับเข้ากำแพงอีกครั้ง
ในตอนนี้เนี่ยลี่มีใบอนุญาตเข้าเมืองจากประมุขกั้วหวางเทียน จึงสามารถเข้าออกอาณาจักรกำแพงสวรรค์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง
นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
เมื่อจินตานกลับมาถึงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ก็คาบจดหมายมอบให้แก่กู้หลาน
หลังจากที่อ่านจบกู้หลานประกาศเรียกกู้เบ่ย ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย หลี่ชิงอวิ๋น
หลงยู่อิน มารวมตัวกันทันที[หมายเหตุ
เซี่ยวซุ่ยได้รับอนุญาตให้มาอยู่ที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้หลังจากที่ไปแจ้งนิกายเสียงสวรรค์ว่าได้แต่งงานแล้ว]
“เนี่ยลี่ได้ขอให้พวกเจ้านำยอดฝีมือจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่มีความแข็งแกร่งระดับเทพสงครามขั้นที่เก้าขึ้นไปจำนวนสามร้อยนาย
เดินทางไปที่อาณาจักรกำแพงสวรรค์ให้เร็วที่สุด” กู้หลานพูดกับทุกคนพร้อมกับนำจดหมายของเนี่ยลี่ออกมาให้ทุกคนดู
“และเนี่ยลี่ยังแจ้งให้จัดเตรียมกรงพร้อมกับผ้าคลุมเพื่อซ่อนตัวจินตานเอาไว้ขณะเข้าไปด้านในอาณาจักรอีกด้วย”
กู้หลานหันไปมองจินตาน ที่ตัวใหญ่ราวหนึ่งเมตร คงต้องใช้กรงที่มีขนาดใหญ่พอสมควร
“เนี่ยลี่ไม่ได้บอกเหตุผล
คงต้องการให้พวกเราไปพูดคุยกันที่อาณาจักรกำแพงสวรรค์”
กู้เบ่ยพูดขณะที่หยิบจดหมายของเนี่ยลี่ขึ้นมาอ่าน
“เหตุใดจึงต้องนำยอดฝีมือจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์ไปด้วยถึงสามร้อยนาย?” หลี่ชิงอวิ๋นก็อดที่จะสงสัยในเรื่องนี้ไม่ได้
“การที่เขาขอให้พวกเราเดินทางไปให้เร็วที่สุดคงจะต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนไม่น้อย”
หลงยู่อินพูดแทรกขึ้นมา
“นี่เราต้องออกเดินทางกันอีกแล้วหรือนี่”
ลู่เพียวพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ เขามีความสุขกับการอยู่อย่างสงบและมีเซี่ยวซุ่ยอยู่เคียงข้าง
แต่หลังจากที่เขาเห็นเซี่ยวซุ่ยมองตาเขียวมาที่เขาหลังจากที่เห็นท่าทีที่อ่อนปวกเปียกของเขาแล้ว
ลู่เพียวก็คิดได้ว่าการเดินทางไปหาเนี่ยลี่อาจจะดีกว่าก็เป็นได้
“ในวันนี้ข้าจะสั่งการให้คนจัดหากรงสำหรับจินตาน
กู้เบ่ยเจ้าจงไปแจ้งกับชนเผ่าเมฆาสวรรค์
ให้เตรียมพร้อมที่จะออกเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้” กู้หลานสั่งการออกไป
นางเองก็ต้องการที่จะเดินทางไปด้วย แต่เนี่ยลี่ได้ขอให้นางนั้นดูแลนิกายไปก่อน
เช้าวันต่อมา
กู้เบ่ย ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย หลี่ชิงอวิ๋น และหลงยู่อิน ได้เตรียมที่จะออกเดินทาง
หลงยู่อินแนะนำว่า ควรจะให้จินตานบินไป ก่อนที่จะเข้าเมืองค่อยให้เข้าไปอยู่ในกรง
นั่นก็ทำให้จินตานรู้สึกยินดียิ่งนัก
“คูลล
คูลล” จินตานกระบือปีกบินนำออกไป
อาณาจักรกำแพงสวรรค์
ทางด้านเนี่ยลี่ยังคง หาเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากการปรุงยาออกมาขาย
เขานั้นขอให้เถ้าแก่ฟู่ ไปติดต่อขอซื้อร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งให้ เป็นร้านตีเหล็กขนาดใหญ่
และมีอุปกรณ์สำหรับการตีดาบอย่างครบถ้วน
และเรียกได้ว่าดีกว่าที่ร้านของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงเสียอีก [ร้านของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงเป็นร้านขนาดเล็ก]
“ร้านตีเหล็กแห่งนี้
เจ้าของได้เลิกกิจการไปเมื่อไม่นานมานี้ หากนายน้อยต้องการ
ก็สามารถซื้อได้ในราคาห้าสิบล้านศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำเท่านั้น”
เถ้าแก่ฟู่พาเนี่ยลี่มาดูตรงร้านตีเหล็ก ซึ่งอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนมากกว่าร้านของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
เนี่ยลี่ได้ขอให้ฮัวเตี่ย หลานสาวของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
มาช่วยดูที่ร้านให้ ซึ่งนางก็รู้สึกพอใจไม่น้อย
“เนี่ยลี่
ข้าคิดว่าเจ้าและท่านปู่ นำร้านของท่านปู่ไป และยกร้านนี้ให้ข้าดูแลจะดีกว่านะ”
ฮัวเตี่ยพูดขึ้นมาด้วยความยินดี ร้านตีเหล็กแห่งนี้ทั้งใหญ่โตกว่า
และยังมีบ้านพักที่หรูหรากว่าร้านของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงเสียอีก
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้น
ข้าก็จะบอกแก่ท่านผู้อาวุโสเถี่ยเจี้ยงให้” เนี่ยลี่ตอบกลับไปพร้อมกับยิ้ม
เมื่อกลับไปบอกแก่เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ก็ได้หัวเราะและตอบกลับไปว่า
“ร้านโทรม
ๆ ของข้าคงจะไม่เหมาะที่จะให้หญิงสาวอยู่ตามลำพัง แต่เมื่อนำป้ายชื่อของข้าไปเปิด
เจ้าจงอย่าได้ทำให้มันขายหน้าเป็นอันขาด” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงหันไปพูดกับฮัวเตี่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ท่านปู่อย่าได้กังวล
เมื่อท่านปู่กลับมาท่านจะได้เห็นร้านเสิ่นหวู่ซี่ [เทพศาสตราวุธ] กลายเป็นร้านตีเหล็กอันดับหนึ่งของอาณาจักรกำแพงสวรรค์”
ฮัวเตี่ยตอบกลับพร้อมกับให้คำมั่นแก่เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
“ข้ารับปากเจ้า
ข้าจะต้องกลับมาดูให้เห็นด้วยตาของข้าเอง” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดพร้อมกับหัวเราะด้วยความยินดี
เนี่ยลี่ได้เห็นทั้งสองพูดคุยกัน
เขาก็รู้สึกยินดียิ่งนัก เขากลับไปแจ้งแก่เถ้าแก่ฟู่
โดยที่จ่ายเงินมัดจำไปก่อนสิบล้านศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
และที่เหลือจะจ่ายในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
หากหาเงินด้วยวิธีเดิม
เขาคงจะไม่มีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำมากพอที่จะมาจ่ายเป็นแน่
แต่เนี่ยลี่ก็ได้คิดหาหนทางสุดท้ายเอาไว้แล้วเช่นกัน
สามวันต่อมา
พวกลู่เพียวได้เดินทางมาถึงอาณาจักรกำแพงสวรรค์ เนี่ยลี่นั้นสัมผัสถึงการมาถึงของพวกเขาได้จึงไปรอรับอยู่ที่หน้ากำแพงเมือง
จินตานก็ถูกจับใส่ในกรงและคลุมผ้าแล้ว เมื่อเห็นว่าเป็นแขกของเนี่ยลี่
จึงสามารถเดินทางเข้าไปได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง
เนี่ยลี่ได้ขอให้เถ้าแก่ฟู่จัดหาโรงเตี๊ยมสำหรับสหายของเขาและชนเผ่าเมฆาสวรรค์จำนวนสามร้อยคน
ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้นิกายพิทักษ์สวรรค์เป็นผู้ดูแลให้
ซึ่งก็ทำให้เนี่ยลี่ประหยัดไปได้ไม่น้อย
“เสวียนอวี่ จงมาหาข้า” เนี่ยลี่พูดกับเสวียนอวี่ที่เขาได้มอบตำแหน่งผู้นำของกองกำลังชนเผ่าเมฆาสวรรค์ให้เขาดูแล
“นายท่านเนี่ยลี่
มีเรื่องอันใดให้ข้ารับใช้ขอรับ” เสวียนอวี่เดินมาหาเนี่ยลี่พร้อมกับประสานมือพูดอย่างนอบน้อม
“เจ้าจงแจกจ่ายอาวุธและชุดเกราะเหล่านี้แก่พวกของเจ้า”
เนี่ยลี่นำอาวุธและชุดเกราะระดับพระเจ้าที่เขาหาซื้อมาได้
รวมทั้งชุดเกราะและอาวุธที่ได้มาจากจักรพรรดิเมฆาสวรรค์ให้แก่เสวียนอวี่ออกมาจากแหวนห้วงมิติ
“ขอรับนายท่าน”
เสวียนอวี่ตอบรับขณะที่ตกตะลึงกับอาวุธและชุดระดับที่พวกเขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน
และได้แจกจ่ายอาวุธตามที่แต่ละคนถนัด เมื่อพวกเขาใช้อาวุธและสวมใส่เกราะพวกนี้
ยอดฝีมือระดับเทพสงครามก็ไม่อาจที่จะทำอันใดแก่พวกเขาได้
“เนี่ยลี่
เจ้าเคยบอกว่าจะหาง้าวที่ดีกว่าเดิมให้แก่ข้ามิใช่หรือ?” ลู่เพียวเมื่อเห็นอาวุธเหล่านั้น เขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า
เนี่ยลี่ได้เอาง้าวนักรบสวรรค์ของเขาไป
“ข้าจะคืนให้เจ้าหลังจากนี้”
เนี่ยลี่หันมาตอบลู่เพียว พร้อมกับขอให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ได้อาวุธและชุดเกราะกันไปแล้วไปพักผ่อนกันก่อน
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ได้พา
ลู่เพียว เซี่ยวซุ่ย กู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น
และหลงยู่อินไปยังร้านตีเหล็กของเทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยง
ทันทีที่เดินมาถึงหน้าร้านตีเหล็ก
ก็มีง้าวเล่มหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว มันพุ่งตรงมาที่ลู่เพียว ลู่เพียวแอ่นตัวไปด้านหลังเมื่อง้าวพุ่งมาถึงด้านหน้าของลู่เพียว
เขาก็ใช้มือขวาจับที่ปลายด้ามง้าว และใช้มือซ้ายจับที่โคนง้าว
พร้อมกับใช้เท้ายันพื้นกระโดดตีลังกากลับหลัง
โดยที่ใช้ง้าวปักยันไว้ที่พื้นครู่หนึ่ง พร้อมกับถือง้าวอยู่ในมือลงพื้น และตั้งท่าเตรียมต่อสู้ในทันที
“นี่มันอะไรกัน?” ลู่เพียวถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
“ฝีมือไม่เลว! นั่นคืออาวุธของเจ้า ชื่อของมันคือ ง้าวเทพนักรบสวรรค์!” เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงพูดขึ้นมาจากในร้านของเขา...................จบตอน