“หนึ่งล้านล้านก้อน” เถ้าแก่ฟู่ถึงกับอ้าปากค้าง
ศิลาจิตวิญญาณหนึ่งล้านล้านก้อน
เมื่อแลกเป็นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำก็เท่ากับหนึ่งล้านก้อน
นี่เกือบจะเป็นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำที่เขามีอยู่ในร้านแลกเงินเลยทีเดียว แม้ว่าเนี่ยลี่จะยอมจ่ายค่าแลกเปลี่ยนเพียงแค่ห้าหมื่นล้านศิลาจิตวิญญาณ
เมื่อเทียบกับศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำก็เป็นจำนวนถึง ห้าหมื่นก้อนเลยทีเดียว
“ข้ายินดีรับแลกเปลี่ยนในราคาที่คุณชายเสนอมา”
เถ้าแก่ฟู่ประสานมือพร้อมกับก้มหัวพูดกับเนี่ยลี่ด้วยความนอบน้อม แม้ว่าเขาจะต้องจ่าย
ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำทั้งหมดที่มีออกไป แต่ศิลาจิตวิญญาณที่ได้รับมานั้น
เขาสามารถนำไปขายให้แก่ร้านตีเหล็กได้
กำไรจากการแลกเปลี่ยนคือศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำห้าหมื่นก้อน ปกติแล้วเงินจำนวนนี้เป็นรายได้ตลอดทั้งเดือนของเขาเลยทีเดียว
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยลี่จึงนำแหวนห้วงมิติออกมาจำนวนสิบเอ็ดวง
ซึ่งในแต่ละวงนั้นมีศิลาจิตวิญญาณอยู่วงละหนึ่งแสนล้านก้อน และส่งมอบให้แก่เถ้าแก่ฟู่
พร้อมกับกระดาษที่จดรายการวัตถุดิบที่ต้องการซื้อ
“นี่คือศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านหนึ่งแสนล้านก้อน
ส่วนเกินอีกห้าหมื่นล้านก้อน นั้นถือว่าเป็นเงินมัดจำ ข้าต้องการให้ท่านไปซื้อวัตถุดิบเหล่านี้มาให้ข้า
และอย่าให้ใครรู้ว่า ข้าคือคนที่ต้องการซื้อของเหล่านี้”
เถ้าแก่ฟู่รับมาด้วยความนอบน้อย
เมื่อเขาตรวจสอบรายการวัตถุดิบที่เนี่ยลี่ต้องการ
เขาก็พบว่ามีอยู่หลายสิ่งที่เขามีอยู่ในคลังสินค้า ส่วนสิ้นค้าอื่น ๆ
หาซื้อได้จากร้านตีเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งก็นับว่าเป็นงานที่ง่ายดายนัก
เขาสามารถนำศิลาจิตวิญญาณที่ได้มาจากเนี่ยลี่ไปแลกเปลี่ยนได้
โดยไม่จำเป็นต้องใช้ศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำเสียด้วยซ้ำ
[ปกติแล้วร้านตีเหล็กจะรับซื้อศิลาจิตวิญญาณไปเป็นเชื้อเพลิงจำนวนมากอยู่แล้ว]
“ข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ให้นายน้อยได้
ข้าขอเวลาเจ็ดวันนายน้อยสามารถมารับสิ่งที่นายน้อยต้องการได้
และเรื่องนี้จะเป็นความลับอย่างแน่นอน การปกปิดข้อมูลของลูกค้าคือหนึ่งในกฏของการค้าของเรา”
เถ้าแก่ฟู่พูดออกไปอย่างสุภาพ ในขณะที่เขาให้ลูกน้องไปรวบรวมศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านก้อน
เพื่อจ่ายให้แก่เนี่ยลี่
“ถ้าเช่นนั้นในอีกเจ็ดวันข้าจะกลับมา
คงต้องรบกวนเถ้าแก่ฟู่แล้ว
ไม่ทราบว่าร้านแลกเงินของท่านมีอาวุธและชุดเกราะวิเศษในระดับพระเจ้าอยู่บ้างหรือไม่?” เนี่ยลี่ถามออกไป เทพศาสตราวุธเถี่ยเจี้ยงคงจะตีอาวุธและชุดเกราะให้กับทุกคนไม่ได้เป็นแน่
ในส่วนของชนเผ่าเมฆาสวรรค์เขาก็ต้องหาอาวุธและชุดเกราะให้แก่พวกเขา
“แน่นอน
แม้ว่าเราจะเป็นร้านแลกเงิน
แต่ก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่นำอาวุธและชุดเกราะมาแลกเปลี่ยนเป็นเงิน ดังนั้นในคลังสินค้าของข้าจึงมีอยู่ไม่น้อย”
เถ้าแก่ฟู่พูดด้วยความยินดี หากเนี่ยลี่ซื้อของจากเขา
เขาก็จะมีเงินหมุนเวียนมากยิ่งขึ้น
จากนั้นเขาจึงให้ลูกน้องยกอาวุธและชุดเกราะทั้งหมดมาให้เนี่ยลี่ดูที่ห้องรับรองพิเศษ
ซึ่งก็มีอยู่สิบชิ้นที่เป็นของวิเศษระดับพระเจ้า [ของวิเศษทั่วไปจะอยู่ในระดับหนึ่งถึงเก้า]
“ข้าต้องการอาวุธและชุดเกราะในระดับพระเจ้าทั้งหมดที่ท่านมี”
เนี่ยลี่พูดขณะที่ตรวจดูอาวุธและชุดเกราะเหล่านั้น
“ทั้งหมดสิบชิ้น
ของวิเศษระดับพระเจ้าในตลาดขายกันอยู่ที่ชิ้นละประมาณหนึ่งแสนศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
หากนายน้อยต้องการข้าจะขายทั้งสิบชิ้นในราคาเก้าหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ”
เถ้าแก่ฟู่คิดคำนวนในใจอย่างรวดเร็ว
เขานั้นรับซื้อของเหล่านี้มาในราคาชิ้นละหกหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
“ข้าให้แค่หกแสนห้าหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำเท่านั้น!” เนี่ยลี่โบกมือปฏิเสธและพูดออกไป
“อึก!” เถ้าแก่ฟู่กลืนน้ำลายอึกใหญ่
เขาไม่คิดเลยว่าเนี่ยลี่จะสามารถประเมินต้นทุนของเขาได้
ถ้าขายตามราคาที่เนี่ยลี่บอกมา เขาจะได้กำไรห้าหมื่นศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
ซึ่งก็นับว่ามากเกินพอแล้ว
“ข้ายินดีที่จะขายให้นายน้อยตามราคาที่ท่านบอกมา”
เถ้าแก่ฟู่ก้มศีรษะตอบกลับไป
จากนี้ไปเขาต้องคิดคำนวนเรื่องราคาให้ดีก่อนที่จะบอกแก่เนี่ยลี่ไป
หากเนี่ยลี่ไม่พอใจและยกเลิกการค้าไป เขาจะเป็นฝ่ายที่เสียหายยิ่งนัก
“ถ้าเช่นนั้น
ข้าขอรับอาวุธและชุดเกราะเหล่านี้ไปก่อน”
เนี่ยลี่เก็บอาวุธและชุดเกราะในระดับพระเจ้าทั้งสิบชิ้นลงในแหวนห้วงมิติของเขา
หลังจากนั้นเถ้าแก่ฟู่ก็นำศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำ
จำนวนสามแสนห้าหมื่นก้อนมาให้แก่เนี่ยลี่
เป็นเงินที่หักค่าอาวุธและชุดเกราะวิเศษออกไปแล้ว
“อีกเจ็ดวันข้าจะจัดเตรียมวัตถุดิบที่นายน้อยต้องการมาให้
ข้าหวังว่าจะได้ทำการค้ากับคุณชายอีก”
เถ้าแก่ฟู่ประสานมือพร้อมกับก้มหัวอย่างนอบน้อมขณะที่มอบแหวนห้วงมิติที่มีศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำมอบให้แก่เนี่ยลี่
“หากท่านได้รับอาวุธและชุดเกราะในระดับพระเจ้ามาอีก
ข้าก็ยินดีที่จะมาซื้อขายกับท่านอีก” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน
จากนั้นเถ้าแก่ฟู่ก็เดินไปส่งเนี่ยลี่ที่หน้าร้านด้วยตนเอง
การค้าในวันนี้เขาได้กำไรมากยิ่งนัก เขาจึงต้องดูแลเนี่ยลี่เป็นพิเศษ
เนี่ยลี่เดินออกมาจากร้านแลกเงิน
และเดินไปสำรวจร้านค้าต่าง ๆ และได้พบว่า แม้จะเป็นอาวุธและชุดเกราะวิเศษในระดับพระเจ้าเช่นเดียวกัน
แต่ก็มีระดับที่แตกต่างกันคือ แย่ ปกติ และชั้นเยี่ยม ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป
ด้วยศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำที่เขามีอยู่
คงไม่เพียงพอที่จะซื้อของเหล่านี้ได้ทั้งหมดเป็นแน่
และการที่จะนำศิลาจิตวิญญาณไปแลกเปลี่ยนเป็นจำนวนมาก
ร้านแลกเงินส่วนใหญ่ก็คงไม่ยินดีเป็นแน่
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องหาศิลาแก่นแท้จิตวิญญาณทองคำให้ได้มากกว่านี้”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก เขาเองก็คิดแผนบางอย่างขึ้นมาได้
เนี่ยลี่มุ่งหน้าไปยังป่าที่อยู่คั่นกลางระหว่างนิกายทั้งสองซึ่งก็ต้องใช้เวลาเดินทางราวหนึ่งวัน
เบื้องหน้าของเนี่ยลี่เป็นป่าทึบที่มีกว้างใหญ่ยิ่งนัก
แม้ว่าจะยังมิได้เข้าไปในป่า
เนี่ยลี่ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายลมปราณที่แผ่พุ่งออกมาจากป่าเบื้องหน้า
อสูรที่อยู่ในป่าแห่งนี้ ล้วนมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเทพสงคราม
เนี่ยลี่จึงใช้พลังสัจธรรมแห่งเงา
ทำให้เขามีความสามารถซ่อนเร้นกายได้ดั่งจิตอสูรเงาพราย แม้ว่าจะแตกต่างกับทักษะ [เร้นกาย]
ของจิตอสูรเงาพรายที่ทำให้การโจมตีทะลุผ่านไม่ได้
แต่ก็แลกมาด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่า
เนี่ยลี่มุ่งหน้ามองหาทะเลสาบแห่งเทพ
ที่อยู่ในป่าแห่งนี้และก็ได้พบทะเลสาบแห่งเทพขนาดใหญ่ ที่ไม่เคยพบเจอในอาณาจักรซากมังกร
แต่ก็มีกองกำลังหลายกลุ่มคุ้มครองอยู่ ในอาณาจักรกำแพงสวรรค์ทุกกองกำลังล้วนเป็น
กองกำลังของนิกาย ไม่มีมีการแยกย่อยเหมือนกับนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
‘กองกำลังทั้งหมดที่คุ้มครองอยู่มีนับพันคน
หากข้าบุกเข้าไปคงต้องมีการสูญเสียไม่น้อย’ เนี่ยลี่คิดอยู่ในใจ
และถอยห่างออกไปจากทะเลสาบแห่งเทพที่อยู่ตรงหน้า
จากนั้นเนี่ยลี่ก็นำจินตานออกมาจากภาพจิตรกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
เนี่ยลี่ลูบหัวจินตานและบอกออกไปว่า
“เจ้านั้นจงบินไปก่อกวนคนเหล่านั้น
และให้พวกเขาออกห่างจากทะเลสาบแห่งเทพ จงอย่าให้ใครต้องบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต”
“คูลล
คูลล” จินตานกระพือปีกตอบรับคำสั่งของเนี่ยลี่
จินตานบินไปยังทะเลสาบแห่งเทพ และพ่นไฟออกมาจากปากของมัน
ไปที่คนที่เฝ้าทะเลสาบอยู่
“มีอสูรบุกมา
กลิ่นอายลมปราณของมันเหนือกว่าพวกเรามาก” ทหารในกองกำลังตะโกนขึ้นมา แค่เพียงสะเก็ดไฟที่พ่นออกมา
ก็ทำให้คนเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“ใช้อาวุธระยะไกลโจมตี!”
ชายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำกองกำลังที่ปกป้องทะเลสาบแห่งนี้ตะโกนสั่งการ
ฟุ่บ
ฟุ่บ ฟุ่บ
เหล่ากองกำลังที่ใช้อาวุธประเภทธนูและหอก
ยิ่งธนูและปาหอกใส่จินตาน จินตานกระพือปีกเพียงเล็กน้อย
อาวุธเหล่านั้นก็ถูกพัดปลิวไป จากนั้นจินตานก็พ่นไฟออกไปอีกครั้ง
กองกำลังหลายร้อยคน ที่ถูกไฟของจินตานเผาแขนและขา ยังไม่มีคนที่ถึงแก่ชีวิต
“ถอนกำลัง!” ชายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำออกคำสั่ง ยอดฝีมือระดับเทพสงครามไม่อาจที่จะคืนชีพได้
เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียชีวิตของทหารในกองกำลัง
เขาคิดที่จะกลับไปแจ้งกับทางนิกายพิทักษ์สวรรค์
ให้ส่งกองกำลังจำนวนมากมาเพื่อรับมือกับจินตานในภายหลัง
หลังจากที่กองกำลังที่เฝ้าอยู่ถอนกำลังไปจนหมด
เนี่ยลี่จึงรีบไปยังใจกลางทะเลสาบแห่งเทพ และเริ่มเขียนลวดลายจารึกลงไป ลวดลายเหล่านั้นก่อรูปเป็นค่ายกลอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นตัวหนังสือก็ค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปในในทะเลสาบแห่งเทพ
ทั่วทั้งทะเลสาบแห่งเทพมีการสั่นไหวอย่างรุนแรง และรากเทวะตัวใหญ่ก็ปรากฏตัวออกมา
เนี่ยลี่รีบยื่นมือไปคว้าอย่างรวดเร็ว และจับโยนรากเทวะเข้าไปในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและแม่น้ำพร้อมกับจินตาน
หลังจากนั้นก็รีบออกจากทะเลสาบแห่งเทพนั้นทันที
หลังจากนั้นไม่นานทะเลสาบแห่งเทพก็ค่อย
ๆ ทรุดตัวลงไป และสลายไปในที่สุด
ผ่านไปราวสองชั่วยาม
กองกำลังขนาดใหญ่ของนิกายพิทักษ์สวรรค์ได้เดินทางมา
มีทหารกว่าหมื่นนายที่เดินทางมา เมื่อได้เห็นว่าทะเลสาบแห่งเทพได้หายไป
พวกเขาต่างรู้สึกเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก
“นี่ต้องเป็นเจ้าพวกนิกายอสูรฟ้า
เป็นแน่ ที่บุกมาทำลายทะเลสาบแห่งเทพของเรา”
ชายที่เป็นผู้นำพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
“ทะเลสาบแห่งเทพของพวกมัน
ก็ไม่ไกลจากที่นี่ พวกเราไปทำลายเพื่อแก้แค้นกันดีกว่า”
ทหารในกองกำลังผู้หนึ่งพูดขึ้นมา
“ส่งคนไปตรวจสอบทะเลสาบแห่งเทพของนิกายอสูรฟ้า
ว่ามีกองกำลังปกป้องอยู่เท่าใด” ชายผู้เป็นผู้นำสั่งการออกไป
และมีชายสองคนมุ่งหน้าไปตามคำสั่ง เนี่ยลี่เองก็ลอบติดตามทั้งสองคนไป
ที่ทะลสาบแห่งเทพของนิกายอสูรฟ้า
ก็เป็นทะเลสาบแห่งเทพขนาดใหญ่เช่นกัน แต่ก็มีกองกำลังอสูรหลายพันตนเฝ้าดูแลอยู่
“พวกมันมีจำนวนมากเกินไป
หาเผชิญหน้ากัน ต้องล้มตายกันไม่น้อยเป็นแน่” หนึ่งในคนที่ไปสอดแนมพูดขึ้นมา
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็รีบกลับไปรายงาน
ส่วนเนี่ยลี่นั้นยังคงแอบสังเกตุทะเลสาบแห่งเทพนี้อยู่ที่เดิม
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็นำจินตานออกมาจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำอีกครั้ง
เนี่ยลี่ใช้พลังสัจธรรมแห่งมายาปกคลุมร่างกายของจินตานเอาไว้
หากมองดูจินตานในตอนนี้จะเป็นเด็กหนุ่มที่มี ผมสีแดงเพลิง
ร่างกายเป็นมนุษย์แต่มีเปลวไฟล้อมล้อมทั้งตัว เนี่ยลี่จึงสั่งให้จินตานเข้าไปจู่โจมพวกนิกายอสูรฟ้าที่เฝ้าทะเลสาบแห่งเทพอยู่
โดยกำชับว่าไม่ให้ผู้ใดถึงแก่ชีวิตเช่นเดิม
จินตานที่มองจากภายนอกจะเห็นราวกับ
บุตรแห่งอัคคี กระโดดไปยังใจกลางทะเลสาบแห่งเทพ ยามที่จินตานพ่นไฟ
เหล่านิกายอสูรฟ้าจะเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มปล่อยพลังไฟออกมา ทำให้พวกมันบาดเจ็บ
และต้องรีบถอนกำลังออกไป
เนี่ยลี่จึงรีบเข้าไปยังใจกลางทะเลสาบแห่งเทพและจับรากเทวะไปอีกหนึ่งตัวก่อนที่รีบออกห่างจากทะเลสาบแห่งเทพ
ที่ค่อย ๆล่มสลายไป
เมื่อกองกำลังของเผ่าอสูรกลับมาก็พบว่า
ทะเลสาบแห่งเทพของตนนั้นหายไป จึงโกรธแค้นทางนิกายพิทักษ์สวรรค์เป็นอย่างยิ่ง
เนี่ยลี่ได้จุดชนวนแห่งสงครามของอาณาจักรกำแพงสวรรค์ขึ้นมาแล้ว
“การทำการค้าในช่วงสงครามได้กำไรดีเสียยิ่งกว่ายามสงบสุขเสียอีก”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอันชั่วร้าย ก่อนเดินทางออกจากป่า
เนี่ยลี่ได้เก็บสมุนไพรมาหลายชนิดจนแทบจะเต็มแหวนห้วงมิติสำรองวงหนึ่งของเขา.......จบตอน