“เจ้าจะบอกว่า เจ้านั้นมีสายอยู่ภายในนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นหรือ?” ปรมาจารย์เทพชิงหลงถามด้วยความแปลกใจ
“เรื่องนั้นข้าไม่จำเป็นต้องตอบ” ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตอบกลับไปแบบไม่แยแสนัก
“ถ้าหากเจ้าไม่ต้องการตอบ ถ้าเช่นนั้น
พวกข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้า” ปรมาจารย์เทพจูเชวี่ยพูดแทรกขึ้นมา
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าได้ข่าวมาเมื่อไหร่
ก็ส่งให้ส่งข่าวแก่พวกเรา” ปรมาจารย์เทพไป๋หู่พูดสรุป
“ข้าไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลาเท่าใด
แต่จากข่าวล่าสุดที่ข้าได้รับแจ้งมา อีกราวสามเดือนข้าจึงจะได้รับข่าวจากทางนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์”
ปรมาจารย์เทพเสวียนหมิงตอบกลับไป
อีกราวสามเดือนจะครบกำหนดการปล่อยตัวหลงเทียนหมิง
หลังจากที่หลงเทียนหมิงถูกคุมขังไป และสายคนอื่น ๆ ก็ถูกจัดการไปจนหมด
เขาเองก็ไม่ได้ข่าวสารจากทางนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์อีกเลย การที่เขาพูดไปเช่นนี้
ก็เพื่อที่จะวางตัวให้เหนือกว่าปรมาจารย์เทพอีกสามตน
สองวันต่อมา นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
กู้เบ่ยได้เดินทางกลับมาถึงนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่าจะยังรักษาตัวไม่ได้หายดี หลังจากให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์กลับไปหาครอบครัว
เขาก็รีบไปพบเนี่ยลี่และพวกลู่เพียวในทันที
“เนี่ยลี่ ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกแก่เจ้า”
กู้เบ่ยพูดขึ้นมา
“ถ้าหากเป็นเรื่องของภารกิจ
พวกข้าได้ทราบจากหลิงเหยาแล้ว” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
“เรื่องแรก
ต้วนเจี้ยนได้ขึ้นเป็นประมุขของนิกายเร้นเมฆาแล้ว และเรื่องที่สอง
ที่นิกายเร้นเมฆามีแร่ลึกลับที่สามารถปิดกั้นระดับลมปราณได้”
กู้เบ่ยพูดออกไปด้วยความตื่นเต้น
“นับว่าเป็นข่าวดีอย่างที่เจ้าว่า”
เนี่ยลี่เองก็อดที่จะตื่นเต้นกับข่าวที่ได้รับฟังนี้ไม่ได้
“แต่แร่นี้นับเป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายเร้นเมฆา
เจ้าคงต้องพูดคุยเรื่องนี้กับต้วนเจี้ยน” กู้เบ่ยพูดออกไปอีกครั้ง
หากได้แร่ลึกลับมา
และให้ยอดฝีมือระดับเทพสงครามพกติดตัวไว้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังตัวเอง
แต่กู้เบ่ยเองก็ยังไม่หายดี หากให้ผู้อื่นรับงานนี้ไป
ก็อาจจะทำให้ทางนิกายเร้นเมฆาไม่สะดวกใจนัก
“เรื่องนี้ข้าจะมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของเจ้า
หลังจากที่หายดี ให้เจ้าเดินทางไปหาต้วนเจี้ยนและขอแร่ลึกลับมาสักเล็กน้อย
ข้าจะทำการตรวจสอบดูว่าต้องใช้จำนวนมากเท่าใด
และให้เจ้านำศิลาจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งล้านก้อน
เพื่อไปแสดงความยินดีสำหรับตำแหน่งผู้นำนิกายของต้วนเจี้ยน ด้วยของขวัญเหล่านั้น คงจะทำให้ท่านเฉียงอวิ๋นและต้วนเจี้ยนไม่รู้สึกลำบากใจมากนัก”
“ข้าคิดว่าเจ้าจะเดินทางไปด้วยตนเองเสียอีก?”
กู้เบ่ยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ข้านั้นจะต้องเดินทางไปยังห้วงสวรรค์น้อย”
เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“เจ้าจะเดินทางไปด้วยตนเองเช่นนั้นหรือ?”
หลี่ชิงอวิ๋นถามขึ้นมาด้วยความตกใจ เรื่องนี้เป็นแค่คำร้องขอของฮัวหลิง
ที่เป็นเพียงศิษย์ทั่ว ๆ ไป
ไม่มีความจำเป็นที่เนี่ยลี่จะต้องเดินทางไปด้วยตัวเองเลย
“ข้าต้องการที่จะเห็นห้วงสวรรค์ด้วยตัวข้าเอง”
เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
“ท่านอาจารย์จะเดินทางไปเพียงผู้เดียวเช่นนั้นหรือ?”
หลงยู่อินถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าจะเดินทางไปกับลู่เพียว”
เนี่ยลี่มองไปที่ลู่เพียวก่อนที่จะพูดออกไป
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเดินทางไปกับเจ้า แต่ว่า
เจ้าจะให้ข้าไปทำภารกิจกับเจ้าในชื่อใดกัน”ลู่เพียวอดไม่ได้ที่จะคาดหวังฉายาที่จะได้รับ
“ข้าจะให้เจ้าใช้ชื่อ ลู่เพียว
ในการเดินทางครั้งนี้” เนี่ยลี่ยิ้มและพูดออกไป
หลังจากได้รับคำตอบจากเนี่ยลี่ลู่เพียวก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
ส่วนคนอื่น ๆ ก็หัวเราะออกมา
“พรุ่งนี้ให้คนเรียกฮัวหลิงมาที่ตำหนัก
พวกเราจะออกเดินทางในตอนเช้า” เนี่ยลี่เรียกคนดูแลตำหนักมารับคำสั่ง
“ขอรับ!”
ผู้ดูแลตำหนักประสานมือรับคำสั่งและเดินออกไป
“ข้าฝากให้ท่านพี่หลี่ชิงอวิ๋น
และหลงยู่อินดูแลนิกายช่วงที่ข้าไม่อยู่ด้วยนะ”
เนี่ยลี่มองไปที่หลี่ชิงอวิ๋นและหลงยู่อินก่อนที่จะพูดออกไป
“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
หลี่ชิงอวิ๋นพูดอย่างจริงจัง
“ข้าเองก็จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังเช่นกัน”
หลงยู่อินพูดขึ้นมา
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปพักผ่อนกันได้แล้ว!”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับลุกขึ้น จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน
เช้าวันต่อมา ที่หน้าประตูของตำหนักสวรรค์
“ฮัวหลิง
ก่อนจะออกเดินทางข้ามีเรื่องที่ต้องให้เจ้าอธิบายมาก่อน
ถึงการเดินทางข้ามประตูไปยังห้วงสวรรค์น้อยของเจ้า” เนี่ยลี่พูดขึ้นมา
“การเปิดประตูจำเป็นที่จะต้องใช้แหวนของตระกูลฮัว
ในการเปิดประตู และประตูจะเปิดค้างอยู่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น” ฮัวหลิงอธิบาย
“แล้วในการเดินทางกลับเล่า?”
ลู่เพียวอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“ในการเดินทางกลับ ก็ต้องให้แหวนของตระกูลฮัวเปิดประตูให้เช่นกัน”
ฮัวหลิงตอบกลับไป
“ข้าเข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นเราก็ออกเดินทางกันได้!”
เนี่ยลี่พยักหน้าให้ฮัวหลิงเปิดประตู
ณ ดินแดนห้วงสวรรค์น้อย
ไม่แปลกใจเลยที่สถานที่แห่งนี้เรียกว่าห้วงสวรรค์น้อย
เป็นดินแดนที่ราวกับอยู่บนปุยเมฆ มีตำหนักสีขาวงดงาม และมีเทพธิดาตัวเล็ก ๆ ราวกับนางฟ้าตัวน้อยบินอยู่ทั่วไป
แต่เมื่อมองออกไปไกล ๆ กลับเห็นเพียงพื้นที่สีดำที่ยุบลงไป ตรงส่วนนั้นคงเป็นดินแดนนรกที่ฮัวหลิงพูดเอาไว้
“ข้าต้องการพบกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนห้วงสวรรค์น้อย”
เนี่ยลี่หันไปพูดกับฮัวหลิง
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่ฮัวหลิงก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้
เขาตอบกลับไปว่า
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะพาไปพบกับบิดาของข้า”
จากนั้นฮัวหลิงก็พาเนี่ยลี่ไปยังตำหนักของตระกูลฮัว
เพื่อพบกับ ฮัวเหว่ย [华伟:ผู้ทรงอำนาจแห่งแผ่นดินใหญ่]
“ท่านคือประมุขเนี่ยแห่งนิกายขนนกศักดิ์ศักดิ์สิทธิ์สินะ
ข้ายินดียิ่งนักที่ท่านยินดีให้ความช่วยเหลือแก่ตระกูลฮัวของเรา”
ฮัวเหว่ยรีบประสานมือคารวะเนี่ยลี่ในทันที แม้ว่าเขาจะอ่อนวัยกว่า
แต่ตำแหน่งของเขานับว่ายิ่งใหญ่กว่านัก ฮัวเหว่ยนั้นรู้สถานะของเนี่ยลี่จากฮัวหลิง
“ข้าขออภัยที่ต้องเสียมารยาท ไม่ทราบว่าดินแดนแห่งนี้มีเทพองค์ใดคุ้มครองอยู่หรือไม่?”
เนี่ยลี่คิดว่าดินแดนเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกปกครองโดยมนุษย์
เมื่อได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่
ฮัวเหว่ยรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ดินแดนห้วงสวรรค์น้อยมีเทพคุ้มครองอยู่จริง
แต่ก็เป็นเพียงวิญญาณแห่งเทพ ที่สถิตอยู่ที่ต้นไม้แห่งพระเจ้า
เป็นต้นไม้เก่าแก่อายุหลายพันปี แต่ก็ไม่มีดอกผลอะไรมาหลายพันปีแล้ว
“ที่ห้วงสวรรค์น้อยนี้มีเจตจำนงของวิญญาณแห่งเทพนามว่า
เทพธิดาเสิ่นช่วง [神创:เทพแห่งการสร้าง] นางนั้นสถิตอยู่ในต้นไม้แห่งพระเจ้า
ที่อยู่ด้านหลังตำหนักของตระกูลฮัวขอรับ” ฮัวเหว่ยตอบกลับไป
“แม้ว่า เทพธิดาเสิ่นช่วง จะเป็นเพียงวิญญาณ
แต่พลังแห่งแสงของนางก็ปกคลุมไปทั่วทั้งดินแดนสวรรค์ แต่ในครึ่งปีที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่าพลังของนางจะลดน้อยลง จึงทำให้ดินแดนสวรรค์บางส่วนพังทะลายลง”
“ข้าต้องการที่จะไปพบนาง” เนี่ยลี่พูดออกไป
นางต้องการที่จะพบเจอกับเทพธิดาเสิ่นช่วง
บางทีอาจจะมีหนทางในการช่วยเหลือห้วงสวรรค์น้อยได้
“ถ้าเช่นนั้น ขอให้ประมุขเนี่ยตามข้ามา”
ฮัวเหว่ยพูดและพาเนี่ยลี่เดินเข้าไปที่ด้านหลังของตำหนัก
หลังจากที่มายืนอยู่ตรงหน้าต้นไม้แห่งพระเจ้า
เนี่ยลี่ก็สัมผัสถึงกลิ่นอายลมปราณที่คุ้นเคย
แม้ว่าเขาจะไม่เคยมายังที่แห่งนี้มาก่อน แต่เขาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน
“นั่นคือเจ้าเองรึ?”
มีเสียงดังกังวลไปทั่วทั้งบริเวณ เทพธิดาเสิ่นช่วง พูดขึ้นมา
“ท่านรู้จักข้าเช่นนั้นหรือ?”
เนี่ยลี่ถามด้วยความแปลกใจ
“ข้ารอคอยเจ้ามาหลายพันปี ไม่นึกเลยว่าก่อนที่เจตจำนงของข้าสลายไป
ข้าจะได้พบกับเจ้าอีกครั้ง” เทพธิดาเสิ่นช่วงยังคงพูดต่อ
ฮัวเหว่ยรู้สึกตกใจยิ่งนัก เป็นเวลาหลายร้อยปี
ที่เทพธิดาเสิ่นช่วงไม่พูดคุยกับผู้ใด แม้แต่บิดาของเขายังคิดว่า
เจตจำนงของนางได้สลายไปแล้ว
“ข้าจะพาเจ้าไปยังที่แห่งหนึ่ง
พวกเราจะได้พูดคุยกันอย่างสะดวก”
หลังสิ้นเสียงของเทพธิดาเสิ่นช่วง
เนี่ยลี่ก็ถูกดูดหายเข้าไปในต้นไม้แห่งพระเจ้า ลู่เพียวก็รู้สึกตกใจยิ่งนัก
เขารีบหันมามองฮัวเหว่ยทันทีและพูดขึ้นว่า
“นี่เทพธิดาของท่านพาเนี่ยลี่ไปยังที่ใดกัน?”
“ท่านไม่ต้องกังวล ตามตำนานที่เล่าขานของตระกูลฮัว
หลายพันปีก่อนเทพธิดาเสิ่นช่วงก็เคย พาบรรพชนของข้าเข้าไปในต้นไม้แห่งพระเจ้า
เพื่อมอบทักษะความรู้ให้แก่บรรพชนของข้า
หลังจากนั้นบรรพชนของข้าก็ได้เป็นผู้ดูแลห้วงสวรรค์น้อยแห่งนี้”
ฮัวเหว่ยอธิบายออกไป เดิมทีแล้วเขาก็ไม่เคยเชื่อตำนานเล่าขานนี้
แต่ในตอนนี้เขาคงไม่อาจที่จะปฏิเสธมันได้อีก
“เมื่อท่านพูดเช่นนั้น ข้าก็จะยอมเชื่อ
ถ้าเช่นนั้นท่านพอจะบอกปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ให้ข้าทราบได้หรือไม่?”
ลู่เพียวเชื่อว่าเนี่ยลี่สามารถเอาตัวรอดได้เสมอ
ดังนั้นเขาจะต้องหาข้อมูลให้มากที่สุดก่อนที่เนี่ยลี่จะกลับออกมา
“พื้นที่ในส่วนของดินแดนสวรรค์ ค่อย ๆ ร่วงลงสู่ ดินแดนนรกทีละน้อย”
ฮัวเหว่ยพูดพร้อมกับถอนหายใจ
“ในดินแดนนรก นั้นเป็นดินแดนเช่นใดกัน?”
ลู่เพียวอดที่จะถามออกไปไม่ได้
“ไม่มีผู้ใดกล้าลงไป เพราะมีเพียงความมืดมิดและแสงไฟสีแดงอันน่ากลัว
และอสูรร้ายที่มีความแข็งแกร่งระดับวิถีแห่งมังกรเท่านั้น”
ฮัวเหว่ยส่ายหน้าและพูดออกไป
“ข้าจะลงไปสำรวจด้วยตนเอง!”
ลู่เพียงพูดอย่างจริงจัง ในตอนนี้เขานั้นบรรลุระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่แปดแล้ว
ด้วยเทคนิคการบ่มเพาะพลัง [นักรบสวรรค์] ของปรมาจารย์เทียนอู่ ทำให้เขานั้นก้าวหน้ายิ่งขึ้น
เขาต้องการที่จะพิสูจน์ฝีมือของตนเองดูเช่นกัน
“ข้าขอตัว!” ลู่เพียวทะยานออกไป
และมองลงไปที่ดินแดนนรก จะมีนรกแห่งไหนน่ากลัวไปจากดินแดนนรกของเซี่ยวซุ่ยอีก
จากนั้นเขาก็พุ่งลงไปด้านล่างทันที
ลู่เพียงทะยานลงมา จนถึงพื้น
เมื่อมองออกไปตรงหน้า เขามองเห็นอสูรรูปร่างคล้ายกับงูขนาดยักษ์ที่ขยับอยู่ และเห็นเขี้ยวสีขาวที่กำลังอ้าปากและเหมือนกับว่ามันกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา.........จบตอน