เนี่ยลี่ เนี่ยหยู่ เทพธิดายู่หยาน เอียมัว เอียเซิ่งและหมิงเฟย
ได้เดินทางไปทางเหนือของเมืองกลอรี่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำน้ำแข็ง
ที่ว่ากันว่ามีอสูรวายุเหมันต์ระดับตำนานสามตน เฝ้าอยู่
เมื่อไปถึง ณ ที่แห่งนั้น
พวกเขาก็พบว่ามีอสูรวายุเหมันต์ขนาดใหญ่สามตนอยู่จริง ๆ
แต่ระดับพลังของพวกมันนั้นหาได้อยู่แค่เพียงระดับตำนานไม่
“ระดับพลังของพวกมันอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้า”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาท่ามกลางพายุหิมะอันรุนแรง
ระดับพลังของทุกคนในตอนนี้
เทพธิดายู่หยานอยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่แปด
เนี่ยลี่อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง
เอียเซิ่งอยู่ในระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้า
เอียมัวและหมิงเฟยนั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่ห้า
ส่วนเนี่ยหยู่นั้นอยู่ในระดับชะตาสวรรค์ขั้นที่สาม ในตอนนี้พวกเขานั้นใช้ศิลาเร้นเมฆาปิดกั้นพลังของตัวเองอยู่ในระดับตำนานเท่านั้น
“เจ้าพวกมนุษย์
พวกเจ้าบุกมายังที่แห่งนี้ด้วยเหตุใดกัน?”
มังกรวายุเหมันต์พูดขึ้นมา พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณที่เป็นดั่งพายุหิมะออกมาอย่างรุนแรง
ร่างกายของมันเป็นมังกรขนาดใหญ่ที่มีเกล็ดเป็นน้ำแข็ง ที่ด้านหลังของมันมีปีกอันใหญ่โต
หากมองแบบผิวเผินจะเห็นดั่งก้อนน้ำแข็งที่ถูกแกะสลักเป็นรูปมังกร
“มังกรวายุเหมันต์
เจ้าตาบอดหรืออย่างไร ในกลุ่มพวกมันมีเทพวิญญาณอยู่ถึงสองตน”
กุญชรวายุเหมันต์พูดขึ้นมา ร่างกายของมันเป็นช้าง แต่งวงของมันเป็นดั่งแท่งน้ำแข็ง
มีขนสีขาวปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกาย
“หรือว่าพวกมันคิดจะมาช่วยเทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย”
วิหควายุเหมันต์ ที่เกาะอยู่บนปากถ้ำพูดขึ้นมา
ร่างกายของมันเป็นดั่งวิหคทั่ว ๆ ไป มีแววตาและขนสีฟ้า
ขนของมันเป็นดั่งแท่งน้ำแข็งที่เกาะอยู่ทั่วทั้งร่างกาย
“เสี่ยวหยู่
เจ้าคิดว่าจะรับมือพวกมันได้หรือไม่?” เนี่ยลี่หันไปพูดกับเนี่ยหยู่พร้อมกับลูบหัว
นางเป็นผู้มีพลังอ่อนด้อยที่สุดก็จริง
แต่เมื่อมีเนี่ยลี่อยู่ด้วยระดับพลังของนางสามารถเพิ่มสูงขึ้นได้ถึงสองเท่า
เนื่องจากห้วงขอบเขตวิญญาณที่เชื่อมต่อกันอยู่
“หากสักตัวหนึ่ง
ข้าคงจะรับมือได้” เนี่ยหยู่เงยหน้ามองเนี่ยลี่และตอบกลับมา
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงเดินออกไปข้างหน้า
ส่วนที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้ม
ทันที
ที่เนี่ยหยู่ก้าวขาออกไปด้านหน้า พร้อมกับเก็บศิลาเร้นเมฆาไป
กลิ่นอายลมปราณที่แผ่ออกมา ทำให้พายุหิมะน้ำแข็งไม่อาจที่จะมาทำอะไรเนี่ยหยู่ได้
“เจ้าพวกอสูรทั้งสาม
พวกเจ้ามีความกล้าพอที่จะสู้กับน้องสาวของข้าหรือไม่?” เนี่ยลี่ตะโกนออกไป
สัตว์อสูรที่มีภูมิปัญญามักจะมีความหยิ่งทะนงตนไม่ต่างจากมนุษย์
“เจ้าคิดจะดูถูกพวกเข้าเช่นนั้นหรือ” มังกรวายุเหมันต์พูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
คำพูดของเนี่ยลี่เป็นการดูหมิ่นพวกมันอย่างเห็นได้ชัด
“น่าสนุก พวกเราก็เฝ้าอยู่ที่นี่มาหลายร้อยปีแล้ว
ข้าจะเป็นคู่มือกับเจ้าเด็กน้อยผู้นั้นเอง”
วิหควายุเหมันต์พูดพร้อมกับสยายปีกน้ำแข็งของมันออกมา
“มีดเพลิงสีชาด!”
เนี่ยหยู่เรียกมีดเพลิงสีชาดออกมาพร้อมกับปาออกไปที่วิหควายุเหมันต์
ขณะที่ปาออกไปมีเปลวเพลิงอันร้อนแรงห่อหุ้มทั่วทั้งใบมีด พื้นหิมะก็ถึงกับหลอมละลายด้วยความร้อนแรงของเปลวเพลิงนี้
“น่าขันยิ่งนัก
พายุหะปีกน้ำแข็ง!” วิหควายุเหมันต์กระพือปีกออกมา
และปล่อยให้ขนน้ำแข็งของมันพุ่งเข้าปะทะกับมีดเพลิงสีชาด
ตูมม!
แรงปะทะของมีดเพลิงสีชาดและปีกน้ำแข็งของวิหควายุเหมันต์
ทำให้พลังของทั้งสองฝ่ายสลายไป มีดเพลิงสีชาดกระเด็นกลับมาอยู่ในมือของเนี่ยหยู่
“เนี่ยลี่
ดูเหมือนว่าศึกนี้จะเกินกำลังของเสี่ยวหยู่นะ” เอียเซิ่งหันมาพูดกับเนี่ยลี่ด้วยความกังวล
“ท่านพ่อตาอย่าได้กังวล
เสี่ยวหยู่มิได้มีความสามารถเพียงเท่านี้” เนี่ยลี่ส่ายหน้าและตอบกลับไป
ดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่การต่อสู้ของเนี่ยหยู่
“มีดศิลาน้ำแข็ง!”
เนี่ยหยู่เรียกมีดน้ำแข็งออกมาและปาไปที่พื้นด้านหน้าของวิหควายุเหมันต์
ทันทีที่มีดน้ำแข็งปักลงที่พื้น
ก็ปรากฏศิลาน้ำแข็งก่อตัวล้อมวิหควายุเหมันต์เอาไว้
ทำให้วิหควายุเหมันต์ราวกับถูกแช่อยู่ในก้อนน้ำแข็ง
“ข้านั้นเป็นอสูรวายุเหมันต์
การถูกแช่แข็งเพียงเท่านั้น ก็ไม่ต่างจากหิมะที่ร่วงหล่นลงบนปีกของข้า”
วิหควายุเหมันต์ขยับตัวเพียงเล็กน้อย ศิลาน้ำแข็งของเนี่ยหยู่ก็ค่อย ๆ แตกตอก
ฟุ่บบ!
เสียงของสิ่งหนึ่งพุ่งทะลุตรงโคนปีกของวิหควายุเหมันต์
ทำให้เลือดของมันกระจายอยู่เต็มพื้นหิมะ
“นี่มันอะไรกัน?” วิหควายุเหมันต์พูดขึ้นด้วยความตกใจ
เขานั้นมองไม่เห็นเลยว่าถูกโจมตีด้วยสิ่งใด
มีดไร้ลักษณ์กลับมาอยู่ในมือของเนี่ยหยู่อีกครั้ง
ด้วยคำชี้แนะจากเนี่ยลี่ก่อนหน้านี้
ทำให้เนี่ยหยู่สามารถใช้มีดไร้ลักษณ์ได้ดังใจ คนอื่น ๆ
จะเห็นรูปลักษณ์ของมีดในขณะที่อยู่ในมือของเนี่ยหยู่เท่านั้น
“มีดไร้ลักษณ์”
เนี่ยหยู่ปาออกไปอีกครั้ง แม้จะเป็นมีดที่ปาออกไปทางด้านหน้า
แต่การเคลื่อนไหวของมีดนั้นเป็นไปดั่งความต้องการของเนี่ยหยู่
ทันทีที่มีดไร้ลักษณ์หลุดออกจากมือของเนี่ยหยู่
รูปลักษณ์ของมันก็ค่อย ๆ จางหายไป
วิหควายุเหมันต์ทำได้แค่เพียงคาดเดาทิศทางของมีดไร้ลักษณ์เท่านั้น มันพยายามกระพือปีกที่ได้รับบาดเจ็บบินหลบขึ้นไปด้านบน
ฟุ่บบ!
แม้ว่าจะบินหลบไปทางด้านบน
แต่มีดไร้ลักษณ์กลับพุ่งทะลุเข้าที่หัวของวิหควายุเหมันต์จากทางด้านหลัง
ทำให้วิหควายุเหมันต์ถูกสังหารในทันที หลังจากนั้นมีดไร้ลักษณ์ก็กลับมาอยู่ในมือของเนี่ยหยู่อีกครั้ง
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น”
มังกรวายุเหมันต์พูดขึ้นมาด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกของมันถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย
ด้วยฝีมือของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
“ต่อไปใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้า”
เอียมัวเดินออกไปข้างหน้า พร้อมกับถือกระบี่เอาไว้ในมือ นี่คือกระบี่วายุเหมันต์ศาสตราวุธคู่กายของเอียมัว
“เจ้าพวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะ”
กุญชรวายุเหมันต์พ่นพายุน้ำแข็งออกมาจากงวงของมัน
และมังกรวายุเหมันต์ก็พุ่งเข้าหาเอียมัวทันที
ตูมม!
เสียงของมังกรวายุเหมันต์ถูกเอียเซิ่งที่ผสานเข้ากับวานรวายุเหมันต์กระโดดถีบเข้าอย่างจัง
จนทำให้มังกรวายุเหมันต์กระเด็นออกไป
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!” เอียเซิ่งตะโกนออกไปหลังจากที่ถีบมังกรวายุเหมันต์กระเด็นไปแล้ว
“พวกเจ้าจงเข้าไปในถ้ำ
พวกข้าจะจัดการเจ้าอสูรสองตนนี้เอง” เอียมัวหันไปบอกกับพวกเนี่ยลี่
“พวกข้าเข้าใจแล้ว
เสี่ยวหยู่ พวกเราไปกันได้แล้ว”
เนี่ยลี่พยักหน้าและเรียกเนี่ยหยู่ให้ตามเข้าไปในถ้ำ
ภายในถ้ำน้ำแข็ง
เพียงแค่เดินเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็พบกับร่างของหญิงผู้หนึ่ง อยู่ด้านในนั้น
นางมีผมและดวงตาสีทอง สวมชุดผ้าฝ้ายสีขาว ดั่งเทพธิดาที่อยู่บนสรวงสวรรค์ มีเครื่องประดับตรงหน้าผากและด้านบนใบหูของนาง
นางนั้นราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะเดินทางมาหานาง
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้านั้นมาด้วยเหตุผลใด”
เทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“คารวะท่านเทพธิดาแห่งปัญญาจื่อฮุ้ย” เทพธิดายู่หยาน และ หมิงเฟยประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม
แม้ว่าจะอยู่ในฐานะเทพวิญญาณเช่นเดียวกัน แต่เทพธิดาจื่อฮุ้ยนั้น
เป็นเทพแห่งปัญญามายาวนานกว่าพวกเขาทั้งสองคนนัก
“เมื่อท่านทราบว่าพวกข้ามาด้วยเหตุใด
ขอให้ท่านช่วยชี้แนะหนทางในการต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์ให้แก่พวกข้าด้วย”
เนี่ยลี่ประสานมือและพูดออกไป
“ข้าเคยชี้แนะหนทางให้แก่ซื่อคงไปแล้ว
แต่เขาก็ไม่อาจที่จะทำได้สำเร็จ” เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจ
นางนั้นเป็นผู้บอกให้ซื่อคง ย้อนเวลากลับไปสังหารก่อนที่จักรพรรดิปราชญ์จะมีอำนาจดั่งเช่นในตอนนี้
“แล้วท่านไม่มีหนทางอื่นเลยเช่นนั้นหรือ?” เทพธิดายู่หยานถามออกไป
“พวกเจ้าก็ทราบดีอยู่แล้ว
พลังสัจธรรมทั้งสามสิบหกชนิด และพลังสัจธรรมแห่งเวลานั้นเรียกได้ว่าสามารถรับมือได้ยากที่สุด”
เทพธิดาจื่อฮุ้ยตอบกลับไป จากนั้นก็จ้องมองไปที่เนี่ยลี่และนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“เดิมทีนั้น
คนผู้หนึ่งจะสามารถครอบครองพลังสัจธรรมได้เพียงหนึ่งชนิดเท่านั้น
แต่คนผู้นี้กลับครอบครองพลังสัจธรรมได้ถึงสามชนิด
หากเจ้าสามารถรวบรวมพลังสัจธรรมทั้งสามสิบห้าชนิด
ก็อาจจะใช้รับมือจักรพรรดิปราชญ์ได้ แต่ข้าก็ไม่อาจยืนยันได้” เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดต่อ
“เดิมทีพลังสัจธรรมนั้นเป็นการทำความเข้าใจกับพลังนั้น
ๆ แล้วข้าจะสามารถครอบครองพลังสัจธรรมทั้งหมดได้ด้วยวิธีใดกัน
และหากข้านำพลังสัจธรรมมาจาก ท่านพี่ยู่หยาน หรือท่านอาจารย์ รวมถึงตัวท่านด้วย
พวกท่านก็จะแตกสลายไปมิใช่หรือ?”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมา เขาคิดถึงตอนที่แย่งชิงพลังสัจธรรมแห่งความตายมาจากเทพแห่งความตาย
“หากผู้ครอบครองพลังสัจธรรมนั้น
สามารถเข้าถึงพลังที่แท้จริงของพลังสัจธรรมของตนเองได้อย่างถ่องแท้
จะสามารถสร้างผลึกแห่งพลังสัจธรรมขึ้นมาได้ ตำราจิตอสูรท่องเวลาก็เป็นหนึ่งในรูปลักษณ์ของผลึกแห่งสัจธรรม
ทั้งข้า ยู่หยานและหมิงเฟย ต่างก็มีผลึกแห่งสัจธรรม แม้ว่าจะมอบให้แก่เจ้าไป
พวกข้าก็ยังคงสามารถมีชีวิตต่อไปได้ แต่ในฐานะมนุษย์ผู้มีกายาแห่งเทพ”
เทพธิดาจื่อฮุ้ยอธิบาย
“แต่ร่างกายของมนุษย์คงไม่อาจที่จะรองรับพลังสัจธรรมทั้งหมดได้”
เทพธิดายู่หยานพูดขึ้นมา แม้ว่าร่างกายของเนี่ยลี่จะรองรับพลังสัจธรรมได้หลายชนิด
แต่การที่จะรองรับพลังทั้งหมดนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้
“ดังนั้นข้าจะถ่ายทอดวิธีการเข้าถึงพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่าให้แก่เจ้า
เดิมทีพลังสัจธรรมนี้เป็นของสหายผู้หนึ่งของข้า เมื่อเจ้าสามารถสร้างผลึกพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่าขึ้นมาได้
รูปลักษณ์ของมันจะเป็นดั่งดวงจิตอสูร เป็นดวงจิตแห่งความว่างเปล่า
หากเจ้าผสานเข้ากับมัน
เจ้าจะสามารถใช้พลังนี้ดูดซับและแย่งชิงพลังสัจธรรมจากผู้ครอบครองที่เจ้าสามารถสังหารได้
จงนั่งลงหลับตาและฟังข้า” เทพธิดาจื่อฮุ้ยจ้องไปที่เนี่ยลี่และพูดขึ้นมา
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเนี่ยลี่จึงนั่งลงและหลับตาทันที
“ความว่างเปล่าคือการไร้ตัวตน
การไร้ตัวตนคือการไม่ยึดติดกับสิ่งใด ทุกสิ่งรอบกายเจ้าล้วนคืออนัตตา
จงปล่อยวางความรู้สึกต่าง ๆ ทิ้งไป ความว่างเปล่านั้นไม่อาจที่จะสัมผัสได้ด้วยมือ
จงใช้จิตใจของเจ้าสัมผัสถึงมัน”
เทพธิดาจื่อฮุ้ยถ่ายทอดวิธีการเข้าถึงพลังสัจธรรมแห่งความว่างเปล่าให้แก่เนี่ยลี่
จิตที่เคยสับสนของเนี่ยลี่
ค่อย ๆ สงบลง เขาเริ่มไม่รับรู้ถึงสิ่งที่อยู่รอบกายของเขา
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าที่อยู่ในจิตใจ หลังจากนั้นก็มีดวงจิตแห่งความว่างเปล่าปรากฏขึ้นมา
เมื่อเนี่ยลี่เอื้อมมือไปสัมผัสมันก็ผสานเข้ากับห้วงขอบเขตวิญญาณของเนี่ยลี่ในทันที
จิตอสูรตนที่ห้าของเนี่ยลี่คือดวงจิตแห่งความว่างเปล่า
มันค่อย ๆ ดูดซับพลังสัจธรรมทั้งสามชนิดที่อยู่ในตัวของเนี่ยลี่ ไปรวมอยู่ด้านในของดวงจิตแห่งความว่างเปล่านี้
เนี่ยลี่ยังสามารถเรียกใช้พลังสัจธรรมที่มีอยู่ในดวงจิตนี้ได้เช่นเดิม
จากนั้นเนี่ยลี่ก็ลืมตาขึ้นมา
พลังสัจธรรมทั้งสี่ของเนี่ยลี่ถูกกักเก็บเอาไว้ในห้วงขอบเขตวิญญาณ ทำให้ระดับพลังของเนี่ยลี่เลื่อนขึ้นมาเป็นระดับเทพสงครามขั้นที่สองในทันที
“เจ้าคงเข้าใจได้โดยที่ข้าไม่ต้องอธิบายอีกต่อไป
หลังจากที่เจ้าสามารถรวบรวมพลังสัจธรรมได้เกินกว่าครึ่ง
เจ้าจะได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้
เป็นพลังสัจธรรมที่ไม่มีผู้ใดเคยครอบครองมาก่อน
มีเพียงตำนานเล่าขานว่าผู้ที่ได้รับพลังสัจธรรมแห่งความเที่ยงแท้
จะสามารถรับมือกับผู้ครอบครองพลังสัจธรรมแห่งเวลาได้” เทพธิดาจื่อฮุ้ยพูดออกไป
หลังจากนั้นไม่นานเอียมัวและเอียเซิ่งก็เดินเข้ามาด้านใน
พวกเขาสามารถสังหารมังกรวายุเหมันต์และกุญชรวายุเหมันต์ได้แล้ว
และพวกเขาได้รับดวงจิตอสูรระดับตำนานมาจากอสูรวายุเหมันต์ทั้งสามตัวอีกด้วย.................จบตอน