test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

22 พ.ย. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.28 เรื่องราวทั้งหมด





      “ข้านั้นได้ครอบครองมรดกที่ท่านหลงเหลือไว้ทั้งสิบตัวอักษร จึงได้มาพบท่านเช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่ถามออกไป ในขณะที่กำลังลุกขึ้นยืน
         

     “เจ้าจะคิดเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่เดิมทีตัวอักษรทั้งสิบนั้นข้าได้เตรียมไว้เพื่อคนผู้หนึ่ง แต่บัดนี้มันกลายเป็นของเจ้าแล้ว” จักรพรรดิคงหมิงตอบกลับไป
         

    “ท่านหมายความเช่นใดกัน?” เนี่ยลี่ถามกลับไปด้วยความสงสัย
         

    “อักษรทั้งสิบ ข้าได้เตรียมมันเอาไว้สำหรับให้คนผู้นั้น เพิ่มระดับความแข็งแกร่ง แต่การที่ต้องแยกไว้เพื่อให้เขาได้ฝึกฝนเท่านั้น เพราะเขานั้นคือผู้สืบทอดที่แท้จริงเพียงคนเดียวของข้า”  จักรพรรดิคงหมิงหัวเราะ และตอบกลับไป
         

   “ข้าไม่เข้าใจ หากผู้สืบทอดผู้หนึ่งที่แท้จริงมิใช่ข้า แล้วเหตุใดข้าจึงสามารถรวบรวมตัวอักษรทั้งสิบได้ และได้มาพบกับท่าน” เนี่ยลี่แย้งกลับไป
         

   “ทุกเรื่องล้วนมีที่มาและที่ไป ข้าจะบอกเพื่อให้เจ้าสบายใจก่อนว่า ผู้ที่สูญเสียตัวอักษรไปแล้ว จะสูญเสียความทรงจำและพลังที่เพิ่มขึ้นมาจากพลังของตัวอักษรไป ดังนั้น เหล่าคนที่ถูกแย่งชิงตัวอักษรมาจะไม่มีใครมาแย่งชิงตัวอักษรกลับคืนไปจากเจ้าได้อีก  ข้าจะค่อย ๆ เล่าให้เจ้าฟัง” จักรพรรดิคงหมิงค่อย ๆ อธิบาย
         

   “เจ้าเคยสงสัยหรือไม่ ว่าเหตุใดชะตาวิญญาณของเจ้าในภพนี้จึงได้มีสีที่แตกต่างกัน และเหตุใดเจ้าจึงเลื่อนระดับการบ่มเพาะพลังได้ยากนัก” จักรพรรดิคงหมิงเอ่ยถาม เป็นคำถามที่เสียดแทงเข้ามาในใจของเนี่ยลี่ เพราะเขาก็สงสัยและยังหาคำตอบในเรื่องนี้ไม่ได้
         
“แล้วเป็นเพราะเหตุใดกัน?” เนี่ยลี่ถามกลับไป
         

      “ชะตาวิญญาณทั้งเก้าของเจ้า เป็นดั่งตัวแทนของเจ้าในเก้าชาติภพ และชะตาวิญญาณดวงที่เก้าที่เป็นสีทองนั้นเป็นชะตาวิญญาณในชาติภพของข้า ส่วนชะตาวิญญาณสีแดงคือชะตาวิญญาณของเจ้าในชาติภพที่แล้ว ข้านั้นได้เวียนว่ายตายเกิดมาถึงเก้าชาติภพ และในทุกชาติภพของข้า ก็ได้ต่อสู้กับจักรพรรดิปราชญ์และพ่ายแพ้กลับมาทุกครั้ง” จักรพรรดิคงหมิงพูดพร้อมกับถอนหายใจ
         

     เนี่ยลี่ยืนนิ่งเงียบ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่า เขาจะเป็นจักรพรรดิคงหมิงที่กลับชาติมาเกิดในชาติภพนี้เช่นนั้นหรือ
         

     “แต่เจ้าในชาติภพนี้หาใช่ ตัวข้าที่กลับชาติมาเกิดไม่ ด้วยพลังจากตำราจิตอสูรท่องเวลา ทำให้เจ้ากลับมามีชีวิตในชาติภพนี้ ด้วยการผันแปรของห้วงเวลา ทำให้ชะตาวิญญาณของทั้งเก้าชาติภพสถิตอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของเจ้า ดังนั้นห้วงขอบเขตวิญญาณของเจ้านั้น จึงกว้างใหญ่กว่าคนทั่วไปนับสิบเท่า” จักรพรรดิคงหมิงพูดออกไป ราวกับว่าเขาอ่านความคิดของเนี่ยลี่ได้
         

     “ข้าไม่เข้าใจ เมื่อข้าไม่ได้ เป็นท่านที่กลับชาติมาเกิด แต่เหตุใดชะตาวิญญาณทั้งเก้าชาติภพของท่าน จึงได้มาสถิตอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของข้าได้?” เนี่ยลี่ถามออกไปด้วยความสงสัย
         

      “เดิมทีแล้ว ในทุกชาติภพที่ข้าเวียนว่ายตายเกิด ต่างก็มีเจตจำนงของตนเองในการใช้ชีวิต ตัวข้านั้นทำได้เพียงแค่เฝ้ามองตัวข้าในชาติภพอื่น ๆ เท่านั้น แต่เจตจำนงของเจ้านั้นแข็งกล้ายิ่งกว่าเจตจำนงในชาติภพใด ๆ ของข้า เมื่อเกิดความผันแปรของห้วงเวลา ทำให้เจตจำนงอื่น ๆ นั้นมาทับซ้อนกันอยู่ที่ตัวเจ้า และได้กำเนิดเจ้าขึ้นมา การที่เจ้ามีความทรงจำของชาติภพที่แล้ว ก็คงเป็นเพราะที่ข้าพูดมา” จักรพรรดิคงหมิงค่อย ๆ อธิบาย สำหรับเรื่องนี้เขาก็ทำได้แค่คาดเดาเท่านั้น
         

     “แล้วตัวอักษรทั้งสิบคือสิ่งใดกันแน่?” เนี่ยลี่เงยหน้าถามออกไปหลังจากที่ก้มหน้าครุ่นคิด กับเรื่องทีได้ฟัง
         

      “ตัวอักษรทั้งสิบ เป็นดั่งคำบอกใบ้ที่ใช้ต่อสู้กับจักรรพดิปราชญ์ หากเจ้ารู้ซึ้งอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับพวกมัน เจ้าก็มีโอกาสที่จะเอาชนะจักรพรรดิปราชญ์ได้” จักรพรรดิคงหมิงตอบกลับไป
         

       “แล้วเหตุใดท่านจึงไม่ชี้แนะให้ข้าเข้าใจ?” เนี่ยลี่ถามกลับไป หากตัวอักษรเหล่านี้มีพลังถึงเพียงนั้น และจักรพรรดิคงหมิงเองก็เป็นผู้ทิ้งเอาไว้ เขาย่อมรู้ความหมายที่แท้จริงของมัน
         

       “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าเองก็ไม่อาจที่จะรู้ซึ้งอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับพวกมัน เดิมทีผู้ที่จะสามารถเข้าใจมันได้ คือตัวข้าในชาติภพที่สิบ ที่จะเกิดขึ้นในอีกสองร้อยปีข้างหน้า และชะตาวิญญาณทั้งเก้าควรที่จะไปปรากฏอยู่ในห้วงขอบเขตวิญญาณของคนผู้นั้น  แต่เพราะตำราจิตอสูรท่องเวลา ทำให้ห้วงเวลาผันแปรไปจนหมด ข้าเองก็ไม่รู้ว่า ในชาติภพหน้าข้าจะยังได้กลับมามีชีวิตหรือไม่” จักรพรรดิคงหมิงพูดพร้อมกับหัวเราะ แต่เป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
         
      “เพราะการย้อนเวลากลับมามีชีวิตของข้า ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปจนหมดเช่นนั้นหรือ?” เนี่ยลี่พูดขึ้นด้วยความตกใจ เขาไม่คิดเลยว่า การที่ห้วงเวลาผันแปรจะทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้
         

     “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คงเป็นเพราะชะตาลิขิต และเจ้ามีเวลาอีกเพียงไม่นาน หาไม่แล้วโลกเบื้องนอก คงจะถูกจักรพรรดิปราชญ์ทำลายจนสูญสิ้น” จักรพรรดิคงหมิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

     “มีเวลาอีกราวสองร้อยปีมิใช่หรือ ที่จักรพรรดิปราชญ์จะฟื้นคืนพลัง” ดวงตาของเนี่ยลี่เบิกโพลงด้วยความตกใจและถามกลับไป
         

     “เดิมทีก็เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเพราะเจ้า ทำให้จักรพรรดิปราชญได้ครอบครองตำราจิตอสูรท่องเวลา ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป และหากเจ้าพ่ายแพ้ในศึกคราวนี้ จักรปราชญ์ก็จะได้ครอบครองตำราจิตอสูรท่องเวลาครบทุกหน้า เมื่อนั้นจักพรรดิปราชญ์ก็จะกลายเป็น เทพแห่งกาลเวลา ที่เจ้าไม่อาจเอื้อมมือไปถึงได้อีกตลอดกาล” จักรพรรดิคงหมิงพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง      
         

      “เดิมที จักรพรรดิปราชญ์สามารถย้อนเวลากลับไปได้เพียงหนึ่งวัน และหลังจากที่ได้ตำราจิตอสูรท่องเวลาไป อาจจะสามารถย้อนเวลาไปได้นับหมื่น นับแสนปี แต่นั่นก็ต้องแลกกับพลังวิญญาณจำนวนมาก ข้าคิดว่ามันจะใช้พลังนี้หลังจากที่ได้เศษหน้าตำราจิตอสูรท่องเวลาจากเจ้า”
         

     “ถ้าหากย้อนกลับเวลาไปยังจุดเริ่มต้นของโลกได้ สิ่งมีชีวิตทั้งมวลก็คงจะสูญสิ้น แล้วจักรปราชญ์จะทำไปเพื่อเหตุใดกัน?” เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
         

    “ไม่มีผู้ใดรู้ เจ้าคงต้องไปถามจากตัวจักรพรรดิปราชญ์เอง” จักรพรรดิคงหมิงตอบกลับไป
         

     “ข้าจะอาศัยอยู่ในต้นเถาวัลย์ของเจ้า หากมีเรื่องที่สงสัยก็สามารถมาสอบถามข้าได้ในภายหลัง ที่ด้านนอกเจ้านั้นสลบไปราวเจ็ดวันแล้ว หากนานกว่านี้คนเหล่านั้นคงจะกังวล ข้าจะส่งเจ้ากลับไปก่อน” จักรพรรดิคงหมิงพูดขึ้นมาพร้อมกับมีสายลมพัดพามาที่เนี่ยตัวเนี่ยลี่
         

 สติของเนี่ยลี่ราวกับถูกพัดให้ล่องลอยล่องลอยออกมา


ตำหนักเจ้าเมือง
         

     “ผู้อำนวยการหยาง เนี่ยลี่เป็นเช่นใดบ้าง?” เอียเซิ่งเอ่ยถามด้วยความกังวล หลังจากที่เชิญผู้อำนวยการหยางมาดูอาการของเนี่ยลี่
         

   “ข้าไม่ทราบ ร่างกายของเนี่ยลี่นั้นหาได้มีบาดแผลอันใด ชีพจรก็เต้นอย่างปกติ” หยางซิ่นส่ายหน้าและตอบกลับไป
         

  “เนี่ยลี่เองก็เคยเป็นเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ข้าคิดว่าเขาจะต้องฟื้นคืนกลับมาอย่างแน่นอน” ลู่เพียวพูดขึ้นมา
         

    “ใบหน้าของเขาเอง ก็ดูราวกับว่านอนหลับอย่างสงบ ไม่ได้มีท่าทีเจ็บปวดอันใด” เอียมัวจ้องมองดูเนี่ยลี่และพูดออกไป
        

      “ถ้าเช่นนั้นเราควรที่จะให้เขาพักผ่อน ข้าจะให้คนมาคอยดูแลเขาเอง” เอียเซิ่งพูดขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองหาคนรับไช้
         

    “ท่านพ่อ ข้ากับหนิงเอ๋อจะดูแลเนี่ยลี่เอง” เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

    “ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่พวกเจ้า พวกเราออกไปพูดคุยกันข้างนอกเถิด” เอียเซิ่งพูดพร้อมกับถอนหายใจ และชักชวนคนอื่น ๆ ให้ออกจากห้องไป
         

    ในตอนนี้ ในห้องพักมีเพียงเนี่ยลี่ที่นอนอยู่ กับเอียจื่ออวิ๋นและเซี่ยวหนิงเอ๋อที่คอยดูแล
         

     “จื่ออวิ๋น ข้าขอบใจเจ้ามาก สำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา” หนิงเอ๋อพูดขึ้นมา ขณะที่นางกำลังนั่งก้มหน้า เมื่อก่อนนางนั้นคิดแต่จะเอาชนะเอียจื่ออวิ๋น แต่เอียจื่ออวิ๋นไม่เคยคิดเช่นนั้นและยังคงมองนางเป็นดั่งสหาย มิน่าเล่าเนี่ยลี่จึงได้หลงรักนาง
         

      “หนิงเอ๋อ หากเจ้าคิดว่าข้าเป็นสหายก็จงอย่าได้พูดเช่นนั้น ข้ารู้ว่าเจ้ารักเนี่ยลี่มากเพียงใด แม้ว่าข้าจะรักเนี่ยลี่ แต่กับเจ้า ข้าก็คิดว่าเจ้าเป็นดั่งสหายรักที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเขา” เอียจื่ออวิ๋นพูดขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือไปจับมือของหนิงเอ๋อ
         

      “ขอบใจเจ้ามากจริง ๆ” หนิงเอ๋อพูดพร้อมกับร้องไห้ออกมา จากนี้ไปนางจะทำตัวให้สมกับเป็นสหายรักของจื่ออวิ๋น ดั่งเช่นเมื่อครั้งยังเยาว์
         

   “เรามาช่วยกันดูแลจนกว่า เจ้าคนบ้าผู้นี้จะฟื้นขึ้นมา ชอบทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงเสียจริง” เอียจื่ออวิ๋นพูดพร้อมกับตบไปที่ใบหน้าของเนี่ยลี่เบา ๆ
        

   “เจ้าอย่าได้ทำร้ายเขาสิ” หนิงเอ๋อพูดขึ้นมา เมื่อเห็นจื่ออวิ๋นทำเช่นนั้น
         

   “ดูเจ้าทำหน้าสิ ข้าแค่ตบเขาเบา ๆ เท่านั้น เจ้าอ่อนโยนกับเขาถึงเพียงนี้ ระวังเอาไว้เถิด เจ้าจะถูกเนี่ยลี่แกล้งเอาได้ เมื่อแต่งงานกับเขา” จื่ออวิ๋นพูดพร้อมกับหัวเราะ
         

    “ถ้าเป็นเช่นนั้น เจ้าในฐานะภรรยาเอกก็ช่วยเหลือข้าสิ” หนิงเอ๋อพูดขึ้นมา พร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำ
         

   เมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเอ๋อใบหน้าของเอียจื่ออวิ๋นก็แดงไม่แพ้กัน
         

     “พวกเจ้าพูดอันใดกัน ใครภรรยาเอก ใครภรรยารอง เหตุใดข้าจึงไม่ทราบเรื่องนี้?” เนี่ยลี่ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าทะเล้น เขานั้นแอบฟังนางทั้งสองคุยกันมาพักหนึ่งแล้ว
         

  “นี่เจ้าฟื้นตั้งแต่เมื่อใดกัน?” เอียจื่ออวิ๋น และเซี่ยวหนิงเอ๋อพูดขึ้นด้วยความตกใจ ทั้งสองคนรีบลุกขึ้น จากเดิมที่นั่งอยู่บนที่นอนของเนี่ยลี่คนละฝั่ง
         

   เมื่อเห็นเช่นนั้น เนี่ยลี่ก็รีบจับมือทั้งสองคนเอาไว้ และดึงมาโอบกอด
         

     “ฟื้นตั้งแต่ที่ได้ยินเรื่องภรรยาเอก ภรรยารอง ข้ายังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงาน แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีภรรยารออยู่ถึงสองคนแล้ว” เนี่ยลี่พูดพร้อมกับหัวเราะ ขณะที่เอียจื่ออวิ๋นดิ้นรนที่จะออกจากอ้อมกอดของเนี่ยลี่ แต่เซี่ยวหนิงเอ๋อนั้นยอมให้เนี่ยลี่กอดแต่โดยดี
         

      หลังจากที่ดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมแขนมาได้ เอียจื่ออวิ๋นก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “อย่าได้ทำเช่นนี้กับข้าอีก จากนี้ไปห้ามเจ้าแตะต้องตัวข้าก่อนที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกัน”
         

     “ถ้าเช่นนั้นข้าทำกับหนิงเอ๋อคนเดียวก็ได้” เนี่ยลี่แกล้งทำเป็นโอบกอบหนิงเอ๋อด้วยมือทั้งสองข้าง หนิงเอ๋อทำได้เพียงปล่อยให้เนี่ยลี่กอด และมีใบหน้าที่แดงก่ำเท่านั้น
         

     “หนิงเอ๋อ เจ้าอย่าได้ยอมให้เขาทำเช่นนี้” เอียจื่ออวิ๋น เข้าไปดึงตัวหนิงเอ๋อออกมาจากอ้อมกอดของเนี่ยลี่
         

     “จากนี้ไปไม่ว่ากับข้าหรือหนิงเอ๋อ เจ้าก็ห้ามทำเช่นนี้ เช่นนั้นการหมั้นหมายของเราเป็นอันยกเลิก” เอียจื่ออวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียที่จริงจัง ดูเหมือนว่านางจะต้องทำตัวให้ดุมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้ว คงต้องตกเป็นเบี้ยล่างของเนี่ยลี่เป็นแน่ และนางจะต้องคอยปกป้องหนิงเอ๋ออีกด้วย
         

     “ตกลง ข้าก็แค่ล้อเล่นกับพวกเจ้าเท่านั้น หนิงเอ๋อ เจ้าช่วยไปตามทุกคนมาที ข้ามีเรื่องสำคัญที่จะต้องบอกกับทุกคน” เนี่ยลี่หันไปทางหนิงเอ๋อและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

  “ข้าเข้าใจแล้ว” หนิงเอ๋อพยักหน้า และพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติและออกไปตามคนอื่น ๆ
         

   หลังจากที่หนิงเอ๋อเดินออกไป เอียจื่ออวิ๋นเดินไปข้าง ๆ เนี่ยลี่ที่นอนอยู่ และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

    “หลังจากที่เจ้ากับข้าแต่งงานกัน เจ้าจะต้องแต่งกับหนิงเอ๋อด้วย หากเจ้าไม่ยอมรับในข้อตกลงนี้ ข้าก็จะไม่แต่งงานกับเจ้า”
         

   “เจ้าคิดหรือว่าข้าจะปฏิเสธในเรื่องนี้” เนี่ยลี่หัวเราะพร้อมกับทำหน้าทะเล้นและตอบกลับไป.........จบตอน
        

แต่งโดย นายมะพร้าว






เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง