ผู้ที่ลอบเข้ามาในที่คุมขังของตระกูลผนึกมังกรตอบกลับไปว่า
“ข้าคือศิษย์ของปรมาจารย์เทียนอวิ๋น
นามว่าอู๋เหยี่ยน”
“ท่านมีธุระอันใดกับข้า?”
หลงเทียนหมิงถามไปด้วยความสงสัย
“ในอีกไม่นาน เจ้าก็จะพ้นโทษกักขังแล้ว แต่ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเนี่ยลี่จะปล่อยเจ้าไป
เจ้ายินดีที่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่?” อาจารย์อู๋เหยี่ยน
บอกความต้องการของเขาออกไป
“หึ! เนี่ยลี่ได้เป็นผู้นำนิกายไปแล้ว
ข้ากับท่านจะทำสิ่งใดได้?” หลงเทียนหมิงพูดออกไปอย่างเย็นชา
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ว่าเจ้านั้นติดต่อกับนิกายเทพอสูร!”
อาจารย์อู๋เหยี่ยนพูดออกไป
“จะ...เจ้าพูดบ้าอันใดกัน?”
หลงเทียนหมิงตอบกลับไปด้วยความแปลกใจยิ่งนัก
“หลงเทียนหมิง ข้านั้นหาใช่คนโง่
ด้วยความสามารถของเจ้าเพียงลำพัง เจ้าจะก้าวล้ำเกินกว่าซื่อถู
เป่ยเอี๋ยนได้อย่างไร?” อาจารย์อู๋เหยี่ยนพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ถ้าหากเจ้าพ้นโทษออกไปและติดต่อกับนิกายเทพอสูรได้
ข้าต้องการให้เจ้าแนะนำข้าให้แก่นิกายเทพอสูร
ในเวลานี้ปรมาจารย์เทียนอวิ๋นก็มิได้กลับมาฝึกฝนอยู่ที่ตำหนักเช่นเดิม
ข้าเองก็กลายเป็นเพียงหมาหัวเน่าเท่านั้น ถ้าหากนิกายเทพอสูรยอมมอบอำนาจให้แก่ข้า
ข้าก็ยินดีที่จะเผยความลับของนิกายของเราออกไป ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
ข้าจะลอบเข้ามาอีกครั้งเพื่อขอรับคำตอบจากเจ้า ข้าขอตัว”
ทันทีที่พูดจบอาจารย์อู๋เหยี่ยนก็หลบออกไปในทันที
หลงเทียนหมิงเองก็รู้ดีว่า
อาจารย์อู๋เหยี่ยนกับเนี่ยลี่นั้นไม่ลงรอยกันนัก นับตั้งแต่การประลองในเขตกลาง
แต่เขาก็ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะความลับเรื่องการติดต่อกับนิกายเทพอสูร
หากมีคนล่วงรู้ เขาก็ต้องรับโทษตายสถานเดียวเท่านั้น
พื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
เนี่ยลี่กับเสวียนอวี่ได้เดินทางมาถึง
อวิ๋นเมี่ยและเพื่อนของเขาอีกห้าคน
พาชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ยินดีจะติดตามเนี่ยลี่มารวมตัวกัน
“นายท่าน
ระหว่างที่ท่านเสวียนอวี่เดินทางกลับไป ข้าได้ชักชวนคนมาเพิ่มได้
ในตอนนี้มีราวสองพันห้าร้อยคนที่ยินดีทำ พันธสัญญากับนายท่านขอรับ”
อวิ๋นเมี่ยรายงานแก่เนี่ยลี่
“ทุกคนที่ยินดีที่จะติดตามข้า
ข้าจะมอบศิลาจิตวิญญาณให้แก่ทุกคน คนละห้าหมื่นก้อน ถ้าหากพวกเจ้าตกลง
ก็จงนำหนังสือพันธสัญญามาให้แก่ข้า”
เนี่ยลี่นำศิลาจิตวิญญาณออกมาหนึ่งร้อยยี่สิบห้าล้านก้อน
อวิ๋นเมี่ยรวบรวมหนังสือพันธสัญญามาให้แก่เนี่ยลี่
และทำหน้าที่แจกจ่ายศิลาจิตวิญญาณให้กับทุกคน
เนี่ยลี่ถือหนังสือพันธสัญญาทั้งสองพันกว่าฉบับเอาไว้
พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“จากนี้ไปพวกเจ้าทุกคน
ต้องติดตามข้าเป็นเวลาสองปี และหลังจากที่ผ่านไปสองปี
หากพวกเจ้าคนใดไม่ต้องการที่จะติดตามข้าต่อไป ก็สามารถแยกตัวออกไปได้ทุกเมื่อ! ข้าจะไม่เหนี่ยวรั้งพวกเจ้าเอาไว้!” จากนั้นเนี่ยลี่ก็กัดนิ้วหัวแม่มือขวาของเขา
และหยดเลือดลงในหนังสือพันธสัญญา กว่าจะทำทั้งหมดจนเสร็จต้องใช้เวลาและเสียเลือดไปไม่น้อย
“โชคดีที่มีเพียงเท่านี้
หากต้องเสียเลือดมากกว่านี้ข้าคงล้มพับเป็นแน่” เนี่ยลี่พูดกับเหล่าชนเผ่าเมฆาสวรรค์พร้อมกับยิ้ม
“สำหรับชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะติดตามข้า
ทุก ๆ เดือนข้าจะเดินทางมายังพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
เพื่อมารับพวกเจ้าคราวละห้าร้อยคน และนี่คือน้ำใจจากข้า”
เนี่ยลี่นำอาหารจำนวนมากออกมาจากแหวนห้วงมิติของเขา
เป็นอาหารที่มากพอสำหรับคนสองพันกว่าคนในหนึ่งเดือน
ซึ่งพวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้อง
ออกไปขายตนเองเพื่อเป็นทาสผู้อื่นในเวลาหนึ่งเดือนนี้
“เสวียนอวี่
ข้าขอยืมกระท่อมของเจ้าได้หรือไม่?” เนี่ยลี่หันไปพูดกับเสวียนอวี่
“ในตอนนี้ครอบครัวของข้าทุกคนก็ยินที่จะที่ติดตามท่าน
กระท่อมของข้าก็ไม่มีผู้ใดพักอาศัยอยู่แล้ว นายท่านสามารถใช้ได้ตามที่ต้องการ”
เสวียนอวี่ประสานมือตอบกลับไป
“เสวียนอวี่
อวิ๋นเมี่ย และอีกห้าคนเข้ามาข้างในกระท่อม ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำ”
เนี่ยลี่หันไปบอกพวกอวิ๋นเมี่ย
“ขอรับ”
เสวียนอวี่ อวิ๋นเมี่ย และอีกห้าคนตอบกลับและเดินตามเข้าไปในกระท่อม
“อวิ๋นเมี่ย
กับพวกเจ้าอีกห้าคน
พวกเจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำและคอยดูแลพวกเขา
ข้าจะทะยอยนำคนเข้าไป เสวียนอวี่ให้นำคนเข้ามาคราวละยี่สิบคน”
เนี่ยลี่สะบัดมือขวาของเขาและนำภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำออกมา เขาไม่ต้องการที่จะใช้จิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำที่ด้านนอก
เพราะจะมีคนภายนอกเห็นได้
เนี่ยลี่ต้องใช้เวลากว่าสองชั่วยามจึงนำชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่ได้ทำพันธสัญญาทั้งหมดเข้าไปข้างในจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินทางออกจากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
ปล่อยให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่เหลืออยู่ต้องแปลกใจที่เห็น
คนเหล่านั้นหายเข้าไปในกระท่อมแต่ก็มิได้กลับออกมา
ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
อวิ๋นเมี่ยและพวกของเขา
ได้อธิบายเกี่ยวกับการอยู่ภายในภาพจิตกรรมนี้
และกำชับให้ทุกคนห้ามมิให้รบกวนกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในนี้
ที่ด้านนอก
หลังจากนั้นราวหนึ่งวัน
เนี่ยลี่และเสวียนอวี่ก็กลับมาถึงหน้านิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
และได้พบเห็นคนผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตูนิกาย
ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นหน้าคุ้นตากับคนผู้นี้ไม่น้อย แต่ดูเหมือนว่าเขานั้นจะได้รับบาดเจ็บอยู่
“ต้วนเจี้ยน นั่นเจ้าใช่หรือไม่?”
เนี่ยลี่ตะโกนออกไป แม้ว่าจะเห็นหน้าไม่ชัด
แต่ต้วนเจี้ยนกับเขานั้นได้เชื่อมโยงห้วงจิตวิญญาณกันอยู่
เมื่อเข้ามาใกล้ก็จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน
เมื่อเห็นผู้ที่กำลังทะยานเข้ามาต้วนเจี้ยนรีบประสานมือทำความเคารพทันที
“นายท่านเนี่ยลี่”
“เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่ใช่หรือไม่? ถ้าเช่นนั้นรีบเข้าไปข้างในนิกายก่อน จากนั้นค่อยมาคุยกัน”
เนี่ยลี่แจ้งให้คนที่อยู่ด้านในเปิดประตูและพาต้วนเจี้ยนไปยังตำหนักผู้นำนิกาย
ไม่ทันที่จะพาต้วนเจี้ยนไปทำแผลและเปลี่ยนชุด
ต้วนเจี้ยนก็รีบบอกแก่เนี่ยลี่ว่า
“นายท่านเนี่ยลี่ นิกายเร้นเมฆาถูกนิกายห้าอสูรสายฟ้าเข้าโจมตี
ซึ่งนำโดยยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรเสิ่นเหลย โม๋จุน
ข้าได้รับมอบหมายให้มาขอความช่วยเหลือจากหกนิกายศักดิ์สิทธิ์”
“เสิ่นเหลย โม๋จุน?” เนี่ยลี่ขมวดคิ้ว เป็นคนจากเผ่าอสูรที่เขาพบเจอในตำหนักซีอิงเสิ่น
แต่เหตุใด พวกนิกายอสูรจึงได้เข้าโจมตีนิกายเร้นเมฆาได้
“จอมมาร ได้อยู่ที่นิกายหรือไม่?”
เนี่ยลี่อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“หลายเดือนก่อนจอมมารได้แจ้งกับท่านผู้นำนิกายว่าจะเดินทางไปยังตำหนังซีอิงเสิ่น
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปยังนิกาย” ต้วนเจี้ยนตอบกลับไป
“ผู้นำนิกายเร้นเมฆานั้นเป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง
และเป็นผู้เดียวในนิกายที่ระดับพลังถึงขั้นเทพสงคราม
ข้าเองก็ไม่รู้ว่าจะต้านรับการโจมตีจากยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรนับร้อยได้นานแค่ไหน”
ต้วนเจี้ยนพูดต่อ
แม้ว่าเผ่าอสูรและมนุษย์จะมีความขัดแย้งกัน
แต่ก็ไม่เคยที่จะถึงกับบุกทำลายนิกายอีกฝ่าย
เพราะอาจจะเกิดสงครามใหญ่ของมนุษย์และเผ่าอสูรได้ เนี่ยลี่มีเวลาครุ่นคิดไม่มาก
แต่หากนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ออกหน้าไป ความลับที่ปกปิดเอาไว้ก็จะถูกเปิดเผย
หากจะส่งคนไปช่วยเหลือ จะต้องเป็นยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรเท่านั้น และมีโอกาสที่จะต้องสูญเสีย
“ระยะทางในการเดินทางระหว่างนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ต้องใช้เวลาสองวัน
พรุ่งนี้ข้าจะจัดเตรียมกองกำลังให้เดินทางไปพร้อมกับเจ้า
ตอนนี้เจ้านั้นได้ผสานกับจิตอสูรหรือไม่?” เนี่ยลี่ตัดสินใจที่จะพูดออกไป
“ข้าได้รับจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับมหัศจรรย์จากท่านผู้นำนิกาย
เป็น กุญชรเกล็ดมังกร ขอรับ” ต้วนเจี้ยนตอบกลับไป
ในนิกายเร้นเมฆาจิตอสูรตนนี้ก็นับว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแล้ว
“ข้าจะมอบจิตอสูรตนใหม่ให้แก่เจ้า นี่คือ มังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ
เป็นจิตอสูรสายเลือดมังกรที่มีระดับการเติบโตในระดับพระเจ้า
ซึ่งเหมาะสำหรับสายเลือดมังกรดำที่ไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า
คืนนี้จงทำการผสานให้สำเร็จ และจดจำเทคนิคการบ่มเพาะพลัง [เทพสุริยะทมิฬ]
ที่ข้าจะถ่ายทอดเอาไว้ด้วยมันจะทำให้เจ้ารุดหน้าได้ไวยิ่งขึ้นเมื่อผสานเข้ากับมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ”
เนี่ยลี่นำจิตอสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ เอาออกมาให้ต้วนเจี้ยนพร้อมกับถ่ายทอด
เทคนิคการบ่มเพาะพลัง [เทพสุริยะทมิฬ]
ให้แก่ต้วนเจี้ยน
“เจ้าจงผสานจิตอสูรและบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่
ข้าจะเตรียมการเรื่องกองกำลังให้แก่เจ้า”
“ขอบคุณนายท่านเนี่ยลี่” ต้วนเจี้ยนประสานมือคารวะจากนั้นก็ทำการผสานกับจิตอสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ
อยู่ในตำหนักผู้นำนิกาย
เนี่ยลี่บินไปยังพื้นที่ด้านหลังนิกาย
ที่ได้มอบให้แก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์
“ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่อยู่ที่นี่จงฟัง
ข้าได้พาครอบครัวของพวกเจ้ามาแล้ว แต่พวกเจ้าอาจจะได้อยู่กับครอบครัวเพียงแค่คืนเดียว
พรุ่งนี้ข้าต้องการให้พวกเจ้าจำนวนสองร้อยคน
ติดตามกู้เบ่ยไปช่วยเหลือนิกายเร้นเมฆา ที่ถูกนิกายห้าอสูรสายฟ้าเข้าโจมตี”
“ขอรับ!”เหล่าชนเผ่าเมฆาสวรรค์
หันมองที่เนี่ยลี่และประสานมือตอบกลับไปในทันที นับแต่พวกเขาติดตามเนี่ยลี่
ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีและแทบจะไม่ได้ทำสิ่งใดตอบแทนเนี่ยลี่เลย
การที่ได้ตอบแทนบุญคุณในครั้งนี้ พวกเขาจึงเต็มใจยิ่งนัก แม้ว่าอาจจะต้องสละชีวิตก็ตาม
“ขอบใจพวกเจ้าทุกคนมาก”
เนี่ยลี่สะบัดแขนขวาของเขาและนำชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมดออกมา
เมื่อครอบครัวได้มาพบหน้า
พวกเขาต่างวิ่งไปโอบกอดกันอย่างมีความสุข แม้ว่าน้ำตาจะนองใบหน้า
แต่ก็เป็นน้ำตาแห่งความสุขสมและยินดี
ตำหนักผู้นำนิกาย
เนี่ยลี่ได้เรียกกู้เบ่ย ลู่เพียว หลี่ชิงอวิ๋น
และหลงยู่อินเข้ามาประชุมด่วน
“ในตอนนี้นิกายเร้นเมฆาถูกนิกายห้าอสูรสายฟ้าเข้าโจมตี
ข้าต้องการให้กู้เบ่ยนำกองกำลังจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์จำนวนสองร้อยคนไปช่วย”
เนี่ยลี่มองไปที่กู้เบ่ยและพูดขึ้นมา
“แต่ศึกนี้เป็นเรื่องภายนอกนิกาย
เจ้าคิดดีแล้วเช่นนั้นหรือ?” หลี่ชิงอวิ๋นแย้งออกไป ก่อนหน้านี้ที่เขาเคยเสนอให้ไปโจมตีนิกายเทพอสูร แต่เนี่ยลี่ก็ได้ปฏิเสธ
แต่เหตุใดในตอนนี้จึงคิดจะยื่นมือไปช่วยนิกายเร้นเมฆาที่ถูกถูกนิกายห้าอสูรสายฟ้าเข้าโจมตี
“ข้าเข้าใจที่พี่ชิงอวิ๋นกังวล
ภารกิจในครั้งนี้ถือเป็นภารกิจลับ
ยู่อินเจ้าสามารถที่จะหาชุดดำปกปิดให้แก่ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ได้หรือไม่
ข้าต้องการในเช้าวันพรุ่งนี้” เนี่ยลี่หันไปถามหลงยู่อิน
“ท่านอาจารย์
เรื่องนี้ข้าจะรีบเตรียมการให้ในทันที!” หลงยู่อินตอบกลับไป
“แล้วเจ้าจะให้กู้เบ่ยนำกองกำลังไปเพียงลำพังเช่นนั้นหรือ?”
ลู่เพียวอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“กู้เบ่ยนั้นเป็นผู้เดียวในกลุ่มพวกเราที่บรรลุระดับเทพสงคราม
ในคราวนี้ขอให้เจ้าใช้ชื่อเทพกระบี่ในการดำเนินภารกิจ
อย่าได้เปิดเผยตัวจริงเป็นอันขาด!” เนี่ยลี่พูดอย่างจริงจัง
“ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้ใช้ชื่อนั้นที่โลกภายนอก”
กู้เบ่ยหัวเราะด้วยความยินดี
“ข้าเองก็อยากจะได้ฉายาเช่นนี้บ้าง” ลู่เพียวบ่นขึ้นมาเบา
ๆ
“ข้าขอตั้งให้เจ้าเป็นเทพเฝ้าประตู ฝากประตูเมืองด้านที่ข้าดูแลของข้าด้วยนะ”
กู้เบ่ยตบไหล่ลู่เพียวพร้อมกับหัวเราะ
“ภารกิจในคราวนี้ พยายามให้สูญเสียน้อยที่สุด และจงจัดการให้เด็ดขาดที่สุด
ฝากด้วยนะ” เนี่ยลี่กำชับกู้เบ่ยอีกครั้ง
“แน่นอน” กู้เบ่ยให้คำมั่น.........................จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว