เนี่ยลี่บินไปหาเซี่ยวหยู่
ที่ยังคงบ่มเพาะพลังอยู่ภายในจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“เซี่ยวหยู่
ข้ามีเรื่องที่จะต้องบอกแก่เจ้า” เนี่ยลี่พูดออกไป
“เจ้ามีเรื่องอันใด
ข้านั้นใกล้ที่จะบรรลุระดับเทพสงครามเต็มทีแล้ว เรามาคุยกันหลังจากนั้นจะได้หรือไม่?”
เซี่ยวหยู่ตอบกลับไป
“ข้าจะต้องบอกเรื่องนี้แก่เจ้าก่อนที่จะบรรลุระดับเทพสงคราม
เป็นเรื่องเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่แท้จริงของเจ้า” เนี่ยลี่ส่ายหน้าและตอบกลับไป
หลังจากที่นางได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่
นางก็รีบลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วและรีบถามออกไปในทันที
“เจ้ารู้เรื่องราวอันใดเกี่ยวกับชาติกำเนิดของข้าเช่นนั้นหรือ?”
เนี่ยลี่ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกไป
“ที่ข้ากำลังจะบอกแก่เจ้า
เพื่อที่ว่าจะไม่ได้มีอะไรติดค้างใจกันในภายหลัง เมื่อเจ้าบรรลุถึงระดับเทพสงคราม
เจ้าจะได้รับพลังที่บิดามารดาของเจ้าได้ผนึกเอาไว้ในร่างกายของเจ้า
และด้วยพลังนั้นเจ้าจะบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าทันที”
เนี่ยลี่หลังจากที่ครุ่นคิดว่าควรจะเริ่มต้นจากตรงไหน
“เจ้ารู้เรื่องเหล่านี้จากผู้ใดกัน?”
เซี่ยวหยู่ถามด้วยความสงสัย
“บิดา มารดาของเจ้ายังคงสถิตอยู่ในค่ายกลซีหลิง
ที่อยู่ตรงหน้าอกของเจ้า พวกเขาขอให้ข้าบอกเจ้าเมื่อถึงเวลา”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับชี้ไปยังหน้าอกของเซี่ยวหยู่
“ข้าจะบอกแก่เจ้าเพียงเท่านี้
เมื่อเจ้าบรรลุระดับเทพสงคราม
ข้าคิดว่าเจ้าคงจะได้พบกับเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ของบิดา มารดาที่แท้จริงของเจ้า พวกเขาจะเป็นผู้บอกแก่เจ้าเอง”
เนี่ยลี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“นอกจากนี้ข้ายังมีเรื่องที่ต้องไหว้วานเจ้า”
“เจ้าจงบอกมา
ถ้าข้าสามารถทำได้ข้ายินดีที่จะตอบแทนน้ำใจของเจ้า” เซี่ยวหยู่พูดอย่างความจริงจัง
“เมื่อเจ้าบรรลุถึงระดับขอบเขตแห่งพระเจ้า
เจ้าจะสามารถคืนชีวิตให้แก่มนุษย์ได้ ข้าจะมอบกระจกวิญญาณให้กับเจ้า
เมื่อถึงเวลานั้นข้าต้องการที่จะให้เจ้าคืนชีวิตให้แก่วิญญาณทั้งสามนี้”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับนำกระจกวิญญาณออกมาจากห้วงขอบเขตวิญยาณของเขา
“ความสามารถในการคืนชีวิตของข้ามีเงื่อนไขอันใดหรือไม่
ข้าจะสามารถชุบชีวิตบิดามารดาข้า จะเป็นไปได้หรือไม่”
เซี่ยวหยู่อดไม่ได้ที่จะถามออกไป
เนี่ยลี่ส่ายหน้าและตอบกลับไปว่า
“ชีวิตที่จะคืนชีพได้จะต้องมีส่วนหนึ่งของวิญญาณเก็บไว้ในกระจกวิญญาณนี้
การชุบชีวิตแต่ละครั้งต้องใช้พลังสวรรค์ไม่น้อยและต้องใช้เวลาในการสร้างรูปกายของคนที่ตายไปขึ้นมาก่อนซึ่งต้องใช้เวลาราวหนึ่งเดือนในการสร้างรูปกายของคนเหล่านั้นขึ้นมา
และคนผู้หนึ่งสามารถคืนชีวิตได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
หลังจากได้ยินคำพูดของเนี่ยลี่นางก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย
จากนั้นนางมองไปที่เนี่ยลี่และตอบกลับไปว่า
“ข้ารับปากเจ้า
เมื่อข้าบรรลุระดับขอบเขตแห่งพระเจ้าแล้ว ข้าจะคืนชีวิตของคนทั้งสามให้”
“ขอบใจเจ้ามาก กระจกวิญญาณนี้
เหมาะสมสำหรับผู้ที่บรรลุ เทคนิคทำนายชะตาสวรรค์ยิ่งนัก ข้าขอมอบมันให้แก่เจ้า”
เนี่ยลี่ส่งกระจกวิญญาณให้แก่เซี่ยวหยู่
หลังจากพูดจบเนี่ยลี่ก็ออกจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำไป
เซี่ยวหยู่ยืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่
ก่อนที่จะตัดสินใจนั่งบ่มเพาะพลังต่อ
นางนั้นต้องการที่จะรู้ต้นกำเนิดที่แท้จริงของนาง
เมื่อมีโอกาสนางจะไม่ยอมทิ้งไปอย่างแน่นอน
ตำหนักผู้นำนิกาย
‘สิ่งที่ข้าควรทำในเวลานี้
ข้าก็ได้ทำไปจนหมดสิ้นแล้ว เหลือเพียงการบ่มเพาะพลังของข้า ที่ก้าวหน้าช้ายิ่งนัก’
เนี่ยลี่บ่นกับตัวเอง
ในเวลานี้ศิษย์ในนิกายส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ต่ำกว่าระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์กันแล้ว
เขาเองก็ส่งคนไปสืบข่าวในนิกายศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ และได้ข่าวมาหลายอย่าง
นิกายเทพอัคคี เหยียนหยางยังคงอยู่ในตำแหน่งโอรสศักดิ์สิทธิ์และมีโอกาสที่จะขึ้นครองตำแหน่งผู้นำนิกายอย่างแน่นอน
นิกายเสียงสวรรค์
เดิมทีตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นของ หมิงเยี่ย วู่ซวง
แต่นางก็ได้ถอนตัวและยกตำแหน่งให้กับ เอียจื่ออวิ๋น เนื่องจากพรสวรรค์ของเอียจื่ออวิ๋นนั้นเหนือล้ำกว่านางมาก
นิกายกำเนิดสวรรค์
ตำแหน่งโอรสและธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นของตู่ซื่อและฮวาหั่ว
และด้วยยาทิพย์และกองกำลังที่เนี่ยลี่ส่งไป
ทำให้ตำแหน่งของเขานั้นมีความมั่นคงยิ่งขึ้น
นิกายเทพไร้ลักษณ์ หลังจากที่ได้ยาทิพย์และกองกำลังจากเนี่ยลี่
ซูเซียงจิ้ง กับเว่ยหนานก็มีระดับพลังที่สูงขึ้นและเริ่มตั้งกองกำลังแล้ว
นิกายร้อยบุพผาสวรรค์
จางหมิงที่ได้ไปอยู่เพียงลำพัง เนี่ยลี่จึงส่งกองกำลังระดับวิถีแห่งมังกรไปสนับสนุนถึงสองร้อยคน
พร้อมกับยาทิพย์ ในเวลานี้จางหมิงก็เริ่มไต่อันดับในนิกายสูงขึ้นมาแล้ว
แต่ไป๋ฮัวยังคงเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ของนิกายร้อยบุพผาสวรรค์อยู่
ส่วนต้วนเจี้ยนนั้นมิได้อยู่ในหกนิกายศักดิ์สิทธิ์
แต่อยู่ในนิกายเร้นเมฆา เมื่อจอมมารได้ไปเป็นศิษย์ของปรมาจารย์เต๋าฉางก็มิได้กลับไปยังนิกาย
ทำให้ต้วนเจี้ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในนิกายเร้นเมฆา
แต่ด้วยนิกายเร้นเมฆามิได้เป็นหนึ่งในหกนิกายศักดิ์สิทธิ์เนี่ยลี่จึงให้ความช่วยเหลือได้ไม่มากนัก
มีเพียงให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์นำยาทิพย์ไปส่งให้เท่านั้น
ในเวลานี้หกนิกายศักดิ์สิทธิ์ เนี่ยลี่และสหายสามารถครอบครองได้แน่นอนแล้วสามนิกายคือ
นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์ นิกายเสียงสวรรค์ และนิกายกำเนิดสวรรค์
สำหรับนิกายเทพอัคคีนั้น
เขาคิดว่าจะสามารถขอความร่วมมือจากเหยียนหยางได้อย่างแน่นอน นิกายเทพไร้ลักษณ์ และ นิกายร้อยบุพผาสวรรค์
เขาคงต้องให้ความสนับสนุนเพิ่มเติมแก่พวกเว่ยหนาน ซูเซียงจิ้ง และ จางหมิง
ถ้าหากจะให้พวกเขาขึ้นเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์
พวกเขานั้นจะต้องบรรลุระดับเทพสงครามให้ได้
แม้ว่าจะต้องเร่งรีบดำเนินการ
แต่ทุกอย่างยังคงเคลื่อนไหวไปตามที่เขาต้องการ
และเมื่อเซี่ยวหยู่สามารถที่จะคืนชีพให้แก่เอียเซิ่งได้
ก็จะเรียกได้ว่าเขาได้เตรียมของขวัญล้ำค่าที่สุดที่จะมอบให้แก่เอียจื่ออวิ๋นในวันที่ได้พบกันแล้ว
การบ่มเพาะพลังของเนี่ยลี่นั้นคืบหน้าช้ากว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าจะดื่มยาจากผลแห่งพระเจ้าแล้วก็ตาม
ในคืนนั้นเนี่ยลี่ก็นั่งสมาธิบ่มเพาะพลังทั้งคืน แต่ก็ยังไม่อาจที่จะบรรลุระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่สี่ได้
เช้าวันต่อมา
เนี่ยลี่ลืมตาขึ้นจากการบ่มเพาะพลัง
เขานั้นได้รับแจ้งข่าวจากผู้ดูแลประตูว่า ยังคงมีคนจากนิกายต่าง ๆ
แวะเวียนเดินทางมาเพื่อขอเข้ามาในนิกาย
แต่พวกเขาก็ได้ปฏิเสธและเชิญให้คนเหล่านั้นกลับไปแล้ว
ดูเหมือนว่าการปิดนิกายแล้วนิ่งเงียบไปเช่นนี้ จะไม่อาจทำได้อีกต่อไป
แต่หากเปิดประตูนิกายในเวลานี้ความลับเรื่องความแข็งแกร่งของศิษย์ในนิกายก็จะถูกเปิดเผยออกไป
ก็จะไม่เกิดผลดีเป็นแน่ยังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะดำเนินการแผนขั้นต่อไปได้
“พวกเจ้าจงดำเนินการตามเดิมไปก่อน
ข้าจะหาทางแก้ไขเรื่องนี้ในภายหลัง” เนี่ยลี่สั่งการออกไป
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็ทำการนั่งบ่มเพาะเวลาจนผ่านไปอีกสองวัน
เสวียนอวี่ได้เดินทางกลับมารายงานเกี่ยวกับภารกิจที่เขาได้มอบหมายไป
“นายท่าน
ในตอนนี้มีชนเผ่าเมฆาสวรรค์จำนวนราวสองพันคน จากทั้งหมดห้าพันคนที่ยินดีที่จะ
ติดตามนายท่านขอรับ” เสวียนอวี่ประสานมือรายงานด้วยความนอบน้อม
“ยังเหลือเกินกว่าครึ่งที่ไม่ยอมออกจาก
พื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุดเช่นนั้นหรือ?”
เนี่ยลี่พูดขึ้นมาด้วยความเศร้าใจ
เขานั้นต้องการที่จะปลดปล่อยชนเผ่าเมฆาสวรรค์จากพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน ที่จะทำให้คนเหล่านั้นทั้งหมดเชื่อใจเขา
“หลายร้อยปีที่ผ่านมาชนเผ่าของพวกเราได้เผชิญกับหลายสิ่ง
จึงเป็นเรื่องยากที่จะยอมเชื่อใจคนภายนอกได้” ” เสวียนอวี่พูดขึ้นมา
“เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่อยู่ในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
ออกมาด้านนอก และปลูกสร้างที่พักตรงพื้นที่ ที่ข้าได้เตรียมไว้
หลังจากนั้นเราจะเดินทางไปยังพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด”
เมื่อพูดจบเนื่อลี่ก็สะบัดแขนขวาของเขาและเรียกชนเผ่าเมฆษสวรรค์ทั้งหมดออกมา
เมื่อพวกเขารู้ว่าจะต้องสร้างที่พักเพื่อเตรียมรับครอบครัวและคนจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์
พวกเขาก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก พื้นที่
ที่เนี่ยลี่ได้เตรียมไว้ให้ก็กว้างขวางพอที่จะสร้างหมู่บ้านของพวกเขาขึ้นมาได้เลย
หลังจากนั้นเนี่ยลี่ก็เข้าไปด้านในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
และบินไปหา พวกลู่เพียว กู้เบ่ย หลี่ชิงอวิ๋น และ หลงยู่อิน
“ดูเหมือนว่าข้าคงจะต้องรบกวนการฝึกของพวกเจ้าแล้ว”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าบอกให้พวกข้ามาฝึกฝนเป็นเวลาหกเดือนนี่เพียงแค่สามวัน
เจ้าก็ทนคิดถึงพวกข้าไม่ไหวเสียแล้ว” ลู่เพียวตอบกลับไปพร้อมกับหัวเราะ
“ข้าต้องเดินทางไปยังพื้นที่รกร้างที่ไร้ที่สิ้นสุด
อาจจะต้องใช้เวลาสองวันในการเดินทางไปกลับ
คงต้องขอให้พวกเจ้าออกไปดูแลงานแทนข้าด้วย” เนี่ยลี่ตอบกลับไป
“ข้าว่าเจ้าดูเหนื่อยอ่อนมากนะ
เจ้าอย่าลืมว่าเราเป็นสหายกัน หากมีเรื่องใดที่พวกเราแบ่งเบาแก่เจ้าได้ก็จงบอกมา
แม้จะอยู่ที่ด้านนอก พวกข้าก็สามารถบ่มเพาะพลังได้” หลี่ชิงอวิ๋นพูดขึ้นมา
“ขอบคุณท่านพี่ชิงอวิ๋น
หลายเดือนที่ผ่านมาข้ามีเรื่องที่ต้องทำมากมาย สิ่งที่ข้าต้องแบกรับเอาไว้
ทำให้ข้าแทบไม่ได้พักผ่อน” เนี่ยลี่มองไปที่หลี่ชิงอวิ๋นและตอบกลับไปพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย
“เพราะเหตุนี้เจ้าจึงต้องมีสหายเอาไว้แบ่งเบาภาระไงเล่า”
กู้เบ่ยตบไปที่ไหล่เนี่ยลี่พร้อมกับยิ้มและพูดออกไป
หลังจากได้ยินคำพูดของกู้เบ่ย
เนี่ยลี่ก็ยิ้มออกมาได้เต็มปาก เขามักจะลืมตัวไปว่า
เขานั้นต้องทำทุกอย่างเพียงลำพังดั่งเช่นในชีวิตที่แล้ว
แต่ในตอนนี้เขามีเหล่าสหายที่เชื่อใจได้
หลงยู่อินยืนยิ้มอยู่เงียบ ๆ
เมื่อเห็นว่าเนี่ยลี่ยิ้มได้เต็มปาก นางก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก
“ดูเหมือนว่าการปิดประตูฝึกตนของพวกเจ้าจะจบลงเท่านี้
ฝากทุกคนช่วยดูแลนิกายด้วย เมื่อข้ากลับมาข้ามีงานที่จะต้องให้พวกเจ้าช่วยอีกมาก”
เนี่ยลี่พูดพร้อมกับพาทุกคนออกจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“ข้าขอเดินทางไปกับท่านอาจารย์ได้หรือไม่?”
หลงยู่อินถามออกไป
“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะรีบไปรีบกลับ อีกไม่กี่เดือนท่านป้าทั้งสองของเจ้าก็จะคืนชีพกลับมาแล้ว
เจ้านั้นจะต้องฝึกฝนให้ท่านป้าทั้งสองประหลาดใจในความแข็งแกร่งของเจ้านะ”
เนี่ยลี่ส่ายหน้าและตอบกลับไป
ในเวลานี้หลงยู่อินที่ได้รับถ่ายทอดพลังจากจักรพรรดิเมฆาสวรรค์
ทำให้ระดับพลังของนางนั้นบรรลุถึงระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เก้าแล้ว
“ป้าเซี่ย กับ ป้าหลินจะคืนชีพได้แล้วเช่นนั้นหรือท่านอาจารย์?”
หลงยู่อินถามขึ้นมาด้วยความดีใจ เพราะท่านป้าทั้งสองสละชีวิต
ทำให้นางเติบใหญ่ขึ้นแม้จะยังเอาแต่ใจอยู่บ้าง
แต่นางก็ทำตามคำสั่งของเนี่ยลี่อย่างเคร่งครัด
“ถูกต้องแล้ว
แม้ว่าข้าจะยังบอกไม่ได้ว่าเป็นเมื่อไหร่ แต่ข้ารับรองว่าอีกไม่เกินครึ่งปีนี้
เจ้าจะต้องได้พบกับพวกนางอย่างแน่นอน” เนี่ยลี่ยิ้มและตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำให้ป้าเซี่ย กับ
ป้าหลินตกใจเมื่อเห็นข้าบรรลุระดับเทพสงคราม ขอให้ท่านอาจารย์เดินทางโดยปลอดภัย”
หลงยู่อินกล่าวลาด้วยความรู้สึกยินดียิ่งนัก
“เสวียนอวี่ เราออกเดินทางกันได้แล้ว!”
เนี่ยลี่หันไปบอกแก่เสวียนอวี่
“ขอรับ”
เสวียนอวี่ตอบกลับไปและทะยานออกไปกับเนี่ยลี่
ในเวลาเดียวกัน ในที่คุมขังของตระกูลผนึกมังกร
ที่หลงเทียนหมิงถูกขังเอาไว้ มีชายผู้หนึ่งลอบเข้าไปหา
“หลงเทียนหมิง เจ้าได้ยินหรือไม่?”
“เจ้าเป็นใครกัน”
หลงเทียนหมิงถามกลับไป....................จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว