test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

30 ต.ค. 2559

Tales of Demons & Gods Next Legend บทที่ 444.5 เทพกระบี่


         

เช้าวันต่อมา
         

     เนี่ยลี่รวบรวมชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่ห้าถึงขั้นที่เก้าจำนวนสองร้อยคน และให้สวมชุดคลุมปกปิดร่างกายที่หลงยู่อินได้จัดเตรียมมาให้
         

“ต้วนเจี้ยน เจ้าพร้อมแล้วหรือไม่?” เนี่ยลี่มองไปที่ต้วนเจี้ยนที่ยังทำการนั่งบ่มเพาะพลังอยู่
         

     “ข้าพร้อมแล้ว ด้วยจิตอสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ และเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่นายท่านมอบให้ข้า ทำให้ข้าบรรลุถึงขั้นวิถีแห่งมังกรขั้นที่หกแล้ว” ต้วนเจี้ยนลืมตาขึ้นและตอบกลับไป
         

     “คนผู้นี้คือสหายของข้า เขามีนามว่ากู้เบ่ย แต่เจ้าจงเรียกเขาในชื่อ เทพกระบี่ เพราะนี่ถือว่าเป็นภารกิจลับของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์” เนี่ยลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
         

     “คารวะท่านเทพกระบี่” ต้วนเจี้ยนลุกยืนขึ้น ประสานมือทำความเคารพกู้เบ่ย สหายของนายท่านเนี่ยลี่ ก็นับว่าเป็นนายของเขาเช่นกัน และด้วยระดับพลังขั้นเทพสงคราม นับว่าสมควรแล้วที่เขาต้องให้ความเคารพ
         

     “อย่าได้พูดเช่นนี้กับข้า แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเนี่ยลี่ แต่เขาก็บอกกับข้าว่าเจ้าเองก็เป็นดั่งสหายผู้หนึ่งของเขา ดังนั้นให้ถือว่าเจ้าและข้าเป็นสหายกัน” แม้ว่ากู้เบ่ยจะชอบยกยอตนเองว่าเป็นปรมาจารย์ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ถือตัวอะไร
         

     “พวกเจ้าจงรีบเดินทาง ไม่รู้ว่าผู้นำนิกายเร้นเมฆาจะต้านทานได้นานเพียงไหน? หลังจากทำการช่วยเหลือนิกายเร้นเมฆาแล้ว กู้เบ่ยขอให้เจ้าคอยเฝ้าระวังนิกายเร้นเมฆาราวเจ็ดวัน เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจากนั้นค่อยเดินทางกลับ” เนี่ยลี่เกรงว่าหากกู้เบ่ยรีบกลับมา นิกายเร้นเมฆาอาจจะถูกโจมตีซ้ำได้
         

“ข้าเข้าใจแล้ว ต้วนเจี้ยนเราออกเดินทางกันได้แล้ว!” กู้เบ่ยหันไปมองต้วนเจี้ยนจากนั้นก็ทะยานออกไป
         

“นายท่านเนี่ยลี่ ข้าขอบคุณท่านมาก หลังจากจบธุระเรื่องนี้ ข้าจะมาขอบคุณท่านอีกครั้ง” ต้วนเจี้ยนประสานมือขอบคุณจากนั้นก็กางปีกบินออกไป
         
สองวันต่อมา นิกายเร้นเมฆา
         

     “เฉียงอวิ๋น เจ้าจะปกป้องตำหนักผู้นำนิกายได้นานแค่ไหนกัน ข้ารู้ว่าที่ด้านล่างตำหนักของเจ้าเป็นห้องโถงวิญญาณของนิกายเร้นเมฆา” เสิ่นเหลย โม๋จุน ตะโกนอยู่บนฟ้า [:เฉียงอวิ๋น:กำแพงเมฆา]
         
     “เหตุใดเจ้าจึงไม่มาต่อสู้กับข้าอย่างตรงไปตรงมา” เฉียงอวิ๋น ผู้นำนิกายเร้นเมฆาตะโกนกลับไป หากเขาไม่ต้องปกป้องห้องโถงวิญญาณ เขาก็คงสามารถจัดการกับอสูรพวกนี้ได้แล้ว แต่ถ้าหากห้องโถงวิญญาณถูกำลายไป นิกายเร้นเมฆาก็จะล่มสลายไปในทันที
         
“กับพวกมนุษย์เช่นพวกเจ้า ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น” เสิ่นเหลย โม๋จุนพูดอย่างเย็นชา
         
“หึ เผ่าอสูรช่างขี้ขลาดยิ่งนัก” เฉียงอวิ๋น ถ่มน้ำลายออกไปด้วยความดูถูก
         
     “เจ้ามนุษย์โสโครก แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในระดับเทพสงคราม ข้าจะดูว่าในตอนนี้เจ้าจะยังรับมือกับกระบวนท่านี้ของข้าได้หรือไม่?” เสิ่นเหลย โม๋จุน รวบรวมสายฟ้ามาไว้ในมือ มองเห็นเป็นก้อนสายฟ้าขนาดใหญ่ตรงมือของเสิ่นเหลย โม๋จุน ด้วยพลังอันรุนแรงนี้ ยอดฝีมือระดับเทพสงครามที่เหนื่อยอ่อนอยู่ คงจะต้านรับไม่ไหวเป็นแน่
         

“ฝ่ามือห้ามังกรอัสนี!” มีมังกรสายฟ้าห้าตนพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเสิ่นเหลย โม๋จุน
         
ฉึกก!
         
“อ๊ากกกก”
         
     กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งมาปักที่มือของเสิ่นเหลย โม๋จุน ทำให้พลังของฝ่ามือห้ามังกรอัสนีกระจัดกระจายออกไป หลังจากนั้นกระบี่เล่มนั้นก็จางหายไป
         

“ใครกัน?” เสิ่นเหลย โม๋จุน หันไปมองยังทิศทางที่กระบี่พุ่งมา มองเห็นคนที่อยู่ในชุดผ้าคลุมปิดบังตนเองอยู่ห่างออกไป หลายสิบลี้

         

      ต้วนเจี้ยนและกู้เบ่ย มาถึงที่นิกายเร้นเมฆาได้ทันเวลาพอดี หลังจากที่กู้เบ่ย สลายเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน พวกเขาก็บินไปยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นเหลย โม๋จุน

         

“ข้าคือเทพกระบี่ เจ้าคนจากเผ่าอสูรกล้าดีเช่นใดจึงคิดมาถล่มนิกายเร้นเมฆาเช่นนี้” กู้เบ่ยพูดพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณระดับเทพสงครามออกไป

         

“ลมปราณนี้อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง!” เสิ่นเหลย โม๋จุนพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ และที่ด้านหลังของพวกเขายังมีกลุ่มคนที่อยู่ในชุดปกปิดใบหน้าอีกกว่าร้อยคน

         

“เทพกระบี่ข้าขอให้ท่านไปช่วยคุ้มครอง ท่านผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น ข้าขอเป็นผู้ที่จัดการเสิ่นเหลย โม๋จุนเอง” ต้วนเจี้ยนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น

         

“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าก็จะไม่ขัดขวาง” กู้เบ่ยบินไปหาผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น

         

“ทะ...เทพกระบี่เช่นนั้นหรือ ท่านเป็นคนจากนิกายใดกัน?” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะถามออกไป แม้ว่าผู้ที่ปกปิดใบหน้าย่อมไม่คิดที่เปิดเผยตนเองเป็นแน่

         

“เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ ข้าว่าท่านรอดูการต่อสู้ของต้วนเจี้ยนจะดีกว่า” กู้เบ่ยหันไปมองทางต้วนเจี้ยนกับเสิ่นเหลย โม๋จุน

         

“ต้วนเจี้ยนนั้นเพิ่งจะบรรลุระดับวิถีมังกรขั้นที่หนึ่ง ไม่มีทางที่จะสู้กับยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เจ็ดอย่าง เสิ่นเหลย โม๋จุนได้” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นพูดพร้อมกับส่ายหน้า

         

“ท่านจงดูระดับพลังต้วนเจี้ยนให้ดี” กู้เบ่ยยังคงมองไปที่ต้วนเจี้ยนและ เสิ่นเหลย โม๋จุน

        

“เจ้าเด็กน้อยที่ เฉียงอวิ๋นช่วยให้หลบหนีไปสินะ ไม่คิดเลยว่าจะกลับมารนหาที่ตายเช่นนี้?” เสิ่นเหลย โม๋จุนพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา เขานั้นมีความกังวลกับคนที่เรียกตกเองว่าเทพกระบี่มากกว่า หากเขายื่นมือเข้ามาช่วย จะต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นแน่

         

“เทพกระบี่จะไม่มาแทรกแซงการต่อสู้ของข้ากับเจ้า” ต้วนเจี้ยนพูดออกไป พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณออกมา

         

“ลมปราณระดับวิถีมังกรขั้นที่หก?” เสิ่นเหลย โม๋จุน อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ยังนับว่าด้อยกว่าเขาอยู่ขั้นหนึ่ง

         

“ผสานจิตอสูร!” ต้วนเจี้ยนเรียกจิตอสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ ออกมาและผสานอย่างรวดเร็ว เดิมทีมังกรตัวนี้เป็นแค่จิตอสูรเพลิงทมิฬ แต่คุณสมบัติสายฟ้าได้มาจากการกลายพันธุ์

        

      ร่างกายของต้วนเจี้ยนขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเมตร มีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา หลังจากที่ผสานร่างแล้วระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ จนเทียบเท่ากับเสิ่นเหลย โม๋จุน

         

“ต้วนเจี้ยนไปได้จิตอสูรตนนั้นมาจากที่ใดกัน? จิตอสูรที่ข้ามอบให้แก่เขาคือกุญชรเกล็ดมังกรมิใช่หรือ”

         

“สหายของข้าได้เป็นผู้มอบให้แก่เขาเอง” กู้เบ่ยตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ

         

      “หึ แม้ว่าระดับพลังจะเท่ากัน แต่เจ้าจะรับมือสิ่งนี้ได้หรือไม่?” เสิ่นเหลย โม๋จุนรวบรวมสายฟ้าไว้ที่ฝ่ามืออีกครั้ง เขาชำเลืองมองดูที่เทพกระบี่ แต่ดูเหมือนว่าเทพกระบี่จะยืนกอดอกดูอยู่เฉย ๆ เพียงเท่านั้น

         

“จงตายไปซะ! ฝ่ามือห้ามังกรอัสนี!” มังกรสายฟ้าห้าตนพุ่งออกจากฝ่ามือของ เสิ่นเหลย โม๋จุนพุ่งเข้าปะทะร่างของมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬอย่างรุนแรง

         

ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม!

         

“เจ้าเด็กโอหัง ข้าคิดว่าเจ้าจะเก่งกาจสักเพียงไหนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า” เสิ่นเหลย โม๋จุนหัวเราะลั่น หลังจากที่ต้วนเจี้ยนไม่ได้ขยับตัวหลบเลยแม้แต่น้อย

         

      หลังจากที่ควันจากการปะทะ จางลงไป มังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย อสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬสามารถต้านทานได้ทั้งธาตุไฟและสายฟ้า ถ้าหากไม่ถูกโจมตีด้วยไฟหรือสายฟ้าจากยอดฝีมือที่มีระดับเหนือกว่าราวห้าขั้น ต้วนเจี้ยนสามารถต้านรับได้ทั้งหมด

         

“นี่คือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของเจ้าแล้วใช่หรือไม่?” ต้วนเจี้ยนเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา

         

“เพลิงทมิฬ!” ต้วนเจี้ยนพ่นเพลิงทมิฬไปล้อม เสิ่นเหลย โม๋จุนเอาไว้ เพื่อมิให้เสิ่นเหลย โม๋จุน หลบหนีไปได้

         

      “ข้าขอแก้แค้นให้กับศิษย์ของนิกายเร้นเมฆาที่ถูกเจ้าสังหารไป!” ต้วนเจี้ยนพูดพร้อมกับใช้กงเล็บพุ่งไปหาเสิ่นเหลย โม๋จุนอย่างรวดเร็ว กรงเล็บพุ่งปักไปที่หน้าอกของเสิ่นเหลย โม๋จุน หลังจากนั้นเพลิงสีดำก็ลุกไหม้อย่างร้อนแรง จากนั้นต้วนเจี้ยนก็ดึงกรงเล็บออก

         

“ตอนนี้เจ้าได้เริ่มต้นสงครามระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูรแล้ว” เสิ่นเหลย โม๋จุน เอามือกุมบาดแผลและพูดขึ้นมา

         

“ผู้ที่เริ่มสงครามคือเจ้า มิใช่พวกข้า!” ต้วนเจี้ยนคลายการผสานร่างและตอบกลับไป

         

“เรื่องนั้น เผ่าอสูรของพวกข้าหาได้รู้ไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างกายของเสิ่นเหลย โม๋จุนถูกเผาไหม้จนร่วงลงไปตายในที่สุด

         

      ต้วนเจี้ยนบินลงไปหาผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นและพูดขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ ข้าได้แก้แค้นให้พี่น้องของเราแล้วขอรับ” แท้จริงแล้วต้วนเจี้ยนได้เป็นศิษย์ของผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น

         

      กู้เบ่ยพยักหน้าเรียกชนเผ่าเมฆาสวรรค์ให้ลงมาอยู่ด้านล่าง จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปทาง พวกของนิกายห้าอสูรสายฟ้าที่ยังลอยอยู่ด้านบนว่า

         

“ข้าคือเทพกระบี่ พวกเจ้ายังคิดที่จะต่อสู้อีกหรือไม่?

         

      “พวกเจ้าสังหารเสิ่นเหลย โม๋จุนเพียงแค่คนเดียว นิกายห้าอสูรสายฟ้ายังมีศิษย์เอกอีกสี่คนที่อยู่ตรงนี้” เสียงดังมาจากทางพวกของนิกายห้าอสูรสายฟ้า ศิษย์เอกของนิกายอสูรสายฟ้าอีกสี่คนมีระดับพลังอยู่ที่วิถีแห่งมังกรขั้นที่ เจ็ด แปด และระดับที่เก้าอีกสองคน

         

      หมายความว่า นิกายห้าอสูรสายฟ้า ส่งคนระดับศิษย์เอกทั้งห้าเพื่อมาทำลายนิกายเร้นเมฆาเช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอยู่เป็นแน่ กู้เบ่ยคิดในใจ

         

      “ถ้าเช่นนั้นนิกายห้าอสูรสายฟ้าคงไร้ผู้สืบทอดนับแต่ในวันนี้แล้ว” กู้เบ่ยระเบิดลมปราณออกมาพร้อมกับ สร้างปราณกระบี่ที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาของเขา ด้วยมือทั้งสองข้าง

         

       “กระบี่ร้อยดารา” [一百星天] ลมปราณก่อรูปกระบี่จากด้านหลังของกู้เบ่ยจำนวนหนึ่งร้อยเล่มพุ่งเข้าหาคนของนิกายห้าอสูรสายฟ้าที่บินอยู่บนฟ้า ยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรของนิกายห้าอสูรสายฟ้าถูกกระบี่แทงและล้มตายในทันที มีบางส่วนที่หลบพ้นจุดตายได้ กู้เบ่ยส่งสัญญาณให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมดเข้าจัดการคนที่เหลือทั้งหมด

         

      “เพียงเท่านี้ นิกายห้าอสูรสายฟ้าก็จบสิ้นแล้ว” กู้เบ่ยหันไปพูดกับผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นและต้วนเจี้ยน

         

      “เปล่าเลย แม้ว่าผู้นำทั้งห้าจะถูกสังหารไป อาจารย์ของพวกเขาก็ยังคงอยู่ ปรมาจารย์ต้าเหลย เป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่สอง และเขาก็เป็นผู้นำนิกายห้าอสูรสายฟ้า” [大雷:ต้าเหลย:สายฟ้าผู้ยิ่งใหญ่]

         

      “ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่ดูแลนิกายเร้นเมฆาจนกว่าจะมั่นใจว่า ปลอดภัยดีแล้ว” กู้เบ่ยพูดออกไปพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า

         

นิกายห้าอสูรสายฟ้า

         

      “เจ้าว่าเช่นใดนะ ศิษย์เอกของข้าถูก ผู้เรียกตนเองว่าเทพกระบี่สังหารทั้งหมดเช่นนั้นหรือ?” ปรมาจารย์ต้าเหลยตะโกนออกไปหลังจากศิษย์ผู้หนึ่งเข้ามารายงาน [ศิษย์ผู้นี้อยู่ระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้า เมื่อตายไปจึงกลับมาคืนชีพที่ห้องโถงวิญญาณของนิกายห้าอสูรสายฟ้า]

         

“เป็นเรื่องจริงขอรับ คนผู้นั้นปกปิดใบหน้าเอาไว้จึงไม่เห็นใบหน้าของเขา”

         

      “เจ้าคนผู้นั้นอยู่ที่นิกายเร้นเมฆาใช่หรือไม่ จงรวบรวมกำลังคนทั้งหมด พวกเราจะออกไปขยี้พวกมันให้สิ้นซาก!” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว.................จบตอน

 แต่งโดย นายมะพร้าว



เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง