เช้าวันต่อมา
เนี่ยลี่รวบรวมชนเผ่าเมฆาสวรรค์ที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่ห้าถึงขั้นที่เก้าจำนวนสองร้อยคน
และให้สวมชุดคลุมปกปิดร่างกายที่หลงยู่อินได้จัดเตรียมมาให้
“ต้วนเจี้ยน เจ้าพร้อมแล้วหรือไม่?”
เนี่ยลี่มองไปที่ต้วนเจี้ยนที่ยังทำการนั่งบ่มเพาะพลังอยู่
“ข้าพร้อมแล้ว
ด้วยจิตอสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ และเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่นายท่านมอบให้ข้า
ทำให้ข้าบรรลุถึงขั้นวิถีแห่งมังกรขั้นที่หกแล้ว” ต้วนเจี้ยนลืมตาขึ้นและตอบกลับไป
“คนผู้นี้คือสหายของข้า เขามีนามว่ากู้เบ่ย
แต่เจ้าจงเรียกเขาในชื่อ เทพกระบี่ เพราะนี่ถือว่าเป็นภารกิจลับของนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์”
เนี่ยลี่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“คารวะท่านเทพกระบี่” ต้วนเจี้ยนลุกยืนขึ้น
ประสานมือทำความเคารพกู้เบ่ย สหายของนายท่านเนี่ยลี่ ก็นับว่าเป็นนายของเขาเช่นกัน
และด้วยระดับพลังขั้นเทพสงคราม นับว่าสมควรแล้วที่เขาต้องให้ความเคารพ
“อย่าได้พูดเช่นนี้กับข้า
แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้รับใช้ของเนี่ยลี่
แต่เขาก็บอกกับข้าว่าเจ้าเองก็เป็นดั่งสหายผู้หนึ่งของเขา
ดังนั้นให้ถือว่าเจ้าและข้าเป็นสหายกัน” แม้ว่ากู้เบ่ยจะชอบยกยอตนเองว่าเป็นปรมาจารย์
แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ถือตัวอะไร
“พวกเจ้าจงรีบเดินทาง
ไม่รู้ว่าผู้นำนิกายเร้นเมฆาจะต้านทานได้นานเพียงไหน?
หลังจากทำการช่วยเหลือนิกายเร้นเมฆาแล้ว
กู้เบ่ยขอให้เจ้าคอยเฝ้าระวังนิกายเร้นเมฆาราวเจ็ดวัน
เมื่อเห็นว่าปลอดภัยดีแล้วจากนั้นค่อยเดินทางกลับ”
เนี่ยลี่เกรงว่าหากกู้เบ่ยรีบกลับมา นิกายเร้นเมฆาอาจจะถูกโจมตีซ้ำได้
“ข้าเข้าใจแล้ว
ต้วนเจี้ยนเราออกเดินทางกันได้แล้ว!”
กู้เบ่ยหันไปมองต้วนเจี้ยนจากนั้นก็ทะยานออกไป
“นายท่านเนี่ยลี่ ข้าขอบคุณท่านมาก
หลังจากจบธุระเรื่องนี้ ข้าจะมาขอบคุณท่านอีกครั้ง” ต้วนเจี้ยนประสานมือขอบคุณจากนั้นก็กางปีกบินออกไป
สองวันต่อมา นิกายเร้นเมฆา
“เฉียงอวิ๋น
เจ้าจะปกป้องตำหนักผู้นำนิกายได้นานแค่ไหนกัน
ข้ารู้ว่าที่ด้านล่างตำหนักของเจ้าเป็นห้องโถงวิญญาณของนิกายเร้นเมฆา” เสิ่นเหลย
โม๋จุน ตะโกนอยู่บนฟ้า [墙云:เฉียงอวิ๋น:กำแพงเมฆา]
“เหตุใดเจ้าจึงไม่มาต่อสู้กับข้าอย่างตรงไปตรงมา”
เฉียงอวิ๋น ผู้นำนิกายเร้นเมฆาตะโกนกลับไป หากเขาไม่ต้องปกป้องห้องโถงวิญญาณ
เขาก็คงสามารถจัดการกับอสูรพวกนี้ได้แล้ว แต่ถ้าหากห้องโถงวิญญาณถูกทำลายไป
นิกายเร้นเมฆาก็จะล่มสลายไปในทันที
“กับพวกมนุษย์เช่นพวกเจ้า
ข้าไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น” เสิ่นเหลย โม๋จุนพูดอย่างเย็นชา
“หึ เผ่าอสูรช่างขี้ขลาดยิ่งนัก”
เฉียงอวิ๋น ถ่มน้ำลายออกไปด้วยความดูถูก
“เจ้ามนุษย์โสโครก
แม้ว่าเจ้าจะอยู่ในระดับเทพสงคราม
ข้าจะดูว่าในตอนนี้เจ้าจะยังรับมือกับกระบวนท่านี้ของข้าได้หรือไม่?”
เสิ่นเหลย โม๋จุน รวบรวมสายฟ้ามาไว้ในมือ
มองเห็นเป็นก้อนสายฟ้าขนาดใหญ่ตรงมือของเสิ่นเหลย โม๋จุน ด้วยพลังอันรุนแรงนี้
ยอดฝีมือระดับเทพสงครามที่เหนื่อยอ่อนอยู่ คงจะต้านรับไม่ไหวเป็นแน่
“ฝ่ามือห้ามังกรอัสนี!”
มีมังกรสายฟ้าห้าตนพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเสิ่นเหลย โม๋จุน
ฉึกก!
“อ๊ากกกก”
กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งมาปักที่มือของเสิ่นเหลย
โม๋จุน ทำให้พลังของฝ่ามือห้ามังกรอัสนีกระจัดกระจายออกไป หลังจากนั้นกระบี่เล่มนั้นก็จางหายไป
“ใครกัน?” เสิ่นเหลย โม๋จุน
หันไปมองยังทิศทางที่กระบี่พุ่งมา
มองเห็นคนที่อยู่ในชุดผ้าคลุมปิดบังตนเองอยู่ห่างออกไป หลายสิบลี้
ต้วนเจี้ยนและกู้เบ่ย มาถึงที่นิกายเร้นเมฆาได้ทันเวลาพอดี หลังจากที่กู้เบ่ย
สลายเจตจำนงแห่งกระบี่บรรพชน พวกเขาก็บินไปยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นเหลย โม๋จุน
“ข้าคือเทพกระบี่
เจ้าคนจากเผ่าอสูรกล้าดีเช่นใดจึงคิดมาถล่มนิกายเร้นเมฆาเช่นนี้”
กู้เบ่ยพูดพร้อมกับปลดปล่อยลมปราณระดับเทพสงครามออกไป
“ลมปราณนี้อยู่ในระดับเทพสงครามขั้นที่หนึ่ง!” เสิ่นเหลย โม๋จุนพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
และที่ด้านหลังของพวกเขายังมีกลุ่มคนที่อยู่ในชุดปกปิดใบหน้าอีกกว่าร้อยคน
“เทพกระบี่ข้าขอให้ท่านไปช่วยคุ้มครอง
ท่านผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น ข้าขอเป็นผู้ที่จัดการเสิ่นเหลย โม๋จุนเอง”
ต้วนเจี้ยนพูดขึ้นมาด้วยความโกรธแค้น
“ถ้าเจ้าต้องการเช่นนั้น
ข้าก็จะไม่ขัดขวาง” กู้เบ่ยบินไปหาผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
“ทะ...เทพกระบี่เช่นนั้นหรือ
ท่านเป็นคนจากนิกายใดกัน?” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
แม้ว่าผู้ที่ปกปิดใบหน้าย่อมไม่คิดที่เปิดเผยตนเองเป็นแน่
“เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นที่จะต้องรู้
ข้าว่าท่านรอดูการต่อสู้ของต้วนเจี้ยนจะดีกว่า” กู้เบ่ยหันไปมองทางต้วนเจี้ยนกับเสิ่นเหลย
โม๋จุน
“ต้วนเจี้ยนนั้นเพิ่งจะบรรลุระดับวิถีมังกรขั้นที่หนึ่ง
ไม่มีทางที่จะสู้กับยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรขั้นที่เจ็ดอย่าง เสิ่นเหลย โม๋จุนได้”
ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นพูดพร้อมกับส่ายหน้า
“ท่านจงดูระดับพลังต้วนเจี้ยนให้ดี”
กู้เบ่ยยังคงมองไปที่ต้วนเจี้ยนและ เสิ่นเหลย โม๋จุน
“เจ้าเด็กน้อยที่
เฉียงอวิ๋นช่วยให้หลบหนีไปสินะ ไม่คิดเลยว่าจะกลับมารนหาที่ตายเช่นนี้?” เสิ่นเหลย โม๋จุนพูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
เขานั้นมีความกังวลกับคนที่เรียกตกเองว่าเทพกระบี่มากกว่า หากเขายื่นมือเข้ามาช่วย
จะต้องเกิดปัญหาขึ้นเป็นแน่
“เทพกระบี่จะไม่มาแทรกแซงการต่อสู้ของข้ากับเจ้า”
ต้วนเจี้ยนพูดออกไป พร้อมกับปลดปล่อยลมปราณออกมา
“ลมปราณระดับวิถีมังกรขั้นที่หก?” เสิ่นเหลย โม๋จุน อดที่จะรู้สึกแปลกใจไม่ได้
แต่ก็ยังนับว่าด้อยกว่าเขาอยู่ขั้นหนึ่ง
“ผสานจิตอสูร!” ต้วนเจี้ยนเรียกจิตอสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ
ออกมาและผสานอย่างรวดเร็ว เดิมทีมังกรตัวนี้เป็นแค่จิตอสูรเพลิงทมิฬ
แต่คุณสมบัติสายฟ้าได้มาจากการกลายพันธุ์
ร่างกายของต้วนเจี้ยนขยายใหญ่ขึ้นหลายสิบเมตร
มีเปลวเพลิงสีดำลุกไหม้ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายของเขา หลังจากที่ผสานร่างแล้วระดับพลังของเขาเพิ่มสูงขึ้นอีกหนึ่งระดับ
จนเทียบเท่ากับเสิ่นเหลย โม๋จุน
“ต้วนเจี้ยนไปได้จิตอสูรตนนั้นมาจากที่ใดกัน? จิตอสูรที่ข้ามอบให้แก่เขาคือกุญชรเกล็ดมังกรมิใช่หรือ”
“สหายของข้าได้เป็นผู้มอบให้แก่เขาเอง”
กู้เบ่ยตอบกลับไปเพียงสั้น ๆ
“หึ
แม้ว่าระดับพลังจะเท่ากัน แต่เจ้าจะรับมือสิ่งนี้ได้หรือไม่?” เสิ่นเหลย โม๋จุนรวบรวมสายฟ้าไว้ที่ฝ่ามืออีกครั้ง
เขาชำเลืองมองดูที่เทพกระบี่ แต่ดูเหมือนว่าเทพกระบี่จะยืนกอดอกดูอยู่เฉย ๆ
เพียงเท่านั้น
“จงตายไปซะ! ฝ่ามือห้ามังกรอัสนี!”
มังกรสายฟ้าห้าตนพุ่งออกจากฝ่ามือของ เสิ่นเหลย โม๋จุนพุ่งเข้าปะทะร่างของมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬอย่างรุนแรง
ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม! ตูมม!
“เจ้าเด็กโอหัง ข้าคิดว่าเจ้าจะเก่งกาจสักเพียงไหนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า”
เสิ่นเหลย โม๋จุนหัวเราะลั่น หลังจากที่ต้วนเจี้ยนไม่ได้ขยับตัวหลบเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ควันจากการปะทะ
จางลงไป มังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย อสูรมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬสามารถต้านทานได้ทั้งธาตุไฟและสายฟ้า
ถ้าหากไม่ถูกโจมตีด้วยไฟหรือสายฟ้าจากยอดฝีมือที่มีระดับเหนือกว่าราวห้าขั้น ต้วนเจี้ยนสามารถต้านรับได้ทั้งหมด
“นี่คือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของเจ้าแล้วใช่หรือไม่?”
ต้วนเจี้ยนเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันเย็นชา
“เพลิงทมิฬ!” ต้วนเจี้ยนพ่นเพลิงทมิฬไปล้อม เสิ่นเหลย โม๋จุนเอาไว้
เพื่อมิให้เสิ่นเหลย โม๋จุน หลบหนีไปได้
“ข้าขอแก้แค้นให้กับศิษย์ของนิกายเร้นเมฆาที่ถูกเจ้าสังหารไป!” ต้วนเจี้ยนพูดพร้อมกับใช้กงเล็บพุ่งไปหาเสิ่นเหลย โม๋จุนอย่างรวดเร็ว
กรงเล็บพุ่งปักไปที่หน้าอกของเสิ่นเหลย โม๋จุน
หลังจากนั้นเพลิงสีดำก็ลุกไหม้อย่างร้อนแรง จากนั้นต้วนเจี้ยนก็ดึงกรงเล็บออก
“ตอนนี้เจ้าได้เริ่มต้นสงครามระหว่างมนุษย์และเผ่าอสูรแล้ว”
เสิ่นเหลย โม๋จุน เอามือกุมบาดแผลและพูดขึ้นมา
“ผู้ที่เริ่มสงครามคือเจ้า
มิใช่พวกข้า!”
ต้วนเจี้ยนคลายการผสานร่างและตอบกลับไป
“เรื่องนั้น
เผ่าอสูรของพวกข้าหาได้รู้ไม่ ฮ่าฮ่าฮ่า” ร่างกายของเสิ่นเหลย โม๋จุนถูกเผาไหม้จนร่วงลงไปตายในที่สุด
ต้วนเจี้ยนบินลงไปหาผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นและพูดขึ้นว่า
“ท่านอาจารย์ ข้าได้แก้แค้นให้พี่น้องของเราแล้วขอรับ”
แท้จริงแล้วต้วนเจี้ยนได้เป็นศิษย์ของผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
กู้เบ่ยพยักหน้าเรียกชนเผ่าเมฆาสวรรค์ให้ลงมาอยู่ด้านล่าง
จากนั้นเขาก็ตะโกนออกไปทาง พวกของนิกายห้าอสูรสายฟ้าที่ยังลอยอยู่ด้านบนว่า
“ข้าคือเทพกระบี่
พวกเจ้ายังคิดที่จะต่อสู้อีกหรือไม่?”
“พวกเจ้าสังหารเสิ่นเหลย
โม๋จุนเพียงแค่คนเดียว นิกายห้าอสูรสายฟ้ายังมีศิษย์เอกอีกสี่คนที่อยู่ตรงนี้” เสียงดังมาจากทางพวกของนิกายห้าอสูรสายฟ้า
ศิษย์เอกของนิกายอสูรสายฟ้าอีกสี่คนมีระดับพลังอยู่ที่วิถีแห่งมังกรขั้นที่ เจ็ด
แปด และระดับที่เก้าอีกสองคน
‘หมายความว่า นิกายห้าอสูรสายฟ้า ส่งคนระดับศิษย์เอกทั้งห้าเพื่อมาทำลายนิกายเร้นเมฆาเช่นนั้นหรือ?
ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอยู่เป็นแน่’ กู้เบ่ยคิดในใจ
“ถ้าเช่นนั้นนิกายห้าอสูรสายฟ้าคงไร้ผู้สืบทอดนับแต่ในวันนี้แล้ว”
กู้เบ่ยระเบิดลมปราณออกมาพร้อมกับ
สร้างปราณกระบี่ที่ปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางของเขาของเขา ด้วยมือทั้งสองข้าง
“กระบี่ร้อยดารา”
[一百星天剑] ลมปราณก่อรูปกระบี่จากด้านหลังของกู้เบ่ยจำนวนหนึ่งร้อยเล่มพุ่งเข้าหาคนของนิกายห้าอสูรสายฟ้าที่บินอยู่บนฟ้า
ยอดฝีมือระดับวิถีแห่งมังกรของนิกายห้าอสูรสายฟ้าถูกกระบี่แทงและล้มตายในทันที
มีบางส่วนที่หลบพ้นจุดตายได้
กู้เบ่ยส่งสัญญาณให้ชนเผ่าเมฆาสวรรค์ทั้งหมดเข้าจัดการคนที่เหลือทั้งหมด
“เพียงเท่านี้
นิกายห้าอสูรสายฟ้าก็จบสิ้นแล้ว” กู้เบ่ยหันไปพูดกับผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นและต้วนเจี้ยน
“เปล่าเลย
แม้ว่าผู้นำทั้งห้าจะถูกสังหารไป อาจารย์ของพวกเขาก็ยังคงอยู่ ปรมาจารย์ต้าเหลย
เป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่สอง และเขาก็เป็นผู้นำนิกายห้าอสูรสายฟ้า” [大雷:ต้าเหลย:สายฟ้าผู้ยิ่งใหญ่]
“ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะอยู่ดูแลนิกายเร้นเมฆาจนกว่าจะมั่นใจว่า
ปลอดภัยดีแล้ว” กู้เบ่ยพูดออกไปพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้า
นิกายห้าอสูรสายฟ้า
“เจ้าว่าเช่นใดนะ
ศิษย์เอกของข้าถูก ผู้เรียกตนเองว่าเทพกระบี่สังหารทั้งหมดเช่นนั้นหรือ?”
ปรมาจารย์ต้าเหลยตะโกนออกไปหลังจากศิษย์ผู้หนึ่งเข้ามารายงาน [ศิษย์ผู้นี้อยู่ระดับแก่นแท้แห่งสวรรค์ขั้นที่เก้า
เมื่อตายไปจึงกลับมาคืนชีพที่ห้องโถงวิญญาณของนิกายห้าอสูรสายฟ้า]
“เป็นเรื่องจริงขอรับ คนผู้นั้นปกปิดใบหน้าเอาไว้จึงไม่เห็นใบหน้าของเขา”
“เจ้าคนผู้นั้นอยู่ที่นิกายเร้นเมฆาใช่หรือไม่
จงรวบรวมกำลังคนทั้งหมด พวกเราจะออกไปขยี้พวกมันให้สิ้นซาก!”
ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว.................จบตอน
แต่งโดย นายมะพร้าว