วันถัดมา
หลังจากที่จัดการพวกนิกายห้าอสูรสายฟ้า ทั้งหมดแล้ว
เหล่าศิษย์ของนิกายเร้นเมฆาก็ช่วยกันมาเก็บซากปรักหักพังในนิกาย ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
ได้เชิญกู้เบ่ยมานั่งพูดคุยกัน
“ท่านเทพกระบี่
ขอบคุณที่ท่านได้มาช่วยนิกายเร้นเมฆาของเราเอาไว้ได้” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
ประสานมือคารวะ พร้อมกับเอ่ยคำขอบคุณ
“ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องขอบคุณข้า เหล่านิกายอสูรเหิมเกริม
ถึงกับคิดมาทำลายนิกายท่านเช่นนี้ ข้าว่าต้องมิใช่เรื่องปกติเป็นแน่”
กู้เบ่ยตอบกลับไปด้วยท่าทีกังวล
“นิกายเร้นเมฆาก็เป็นเพียงนิกายเล็ก ๆ
ในอาณาจักรซากมังกร ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเหตุใด นิกายห้าอสูรสายฟ้าจึงได้มารุกรานเราเช่นนี้”
ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นพูดพร้อมกับส่ายหน้า
“ท่านอาจารย์ และเทพกระบี่ พวกท่านคิดว่าปรมาจารย์ต้าเหลย
จะมาแก้แค้นให้กับศิษย์ของเขาหรือไม่?” ต้วนเจี้ยนพูดแทรกขึ้นมา
“นั่นคือสิ่งที่ข้ากังวลไม่น้อย ข้าจึงสั่งให้คนของข้า
เฝ้าอยู่ด้านบนของนิกายเร้นเมฆา ถ้าหากปรมาจารย์ต้าเหลยจะบุกมาก็คงจะมาถึงในวันพรุ่งนี้”
กู้เบ่ยนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดขึ้นมาอีกว่า
“ถ้าหากปรมาจารย์ต้าเหลยบุกมา
ข้าเกรงว่าจะเป็นศึกใหญ่ ไม่ทราบว่านิกายเร้นเมฆานั้นมีที่หลบภัยหรือไม่
ข้าไม่ต้องการให้มีความสูญเสียเกิดขึ้นมากจนเกินไป”
“เมื่อท่านเทพกระบี่มีน้ำใจให้ความช่วยเหลือ
ข้าก็จะไม่ปิดบัง นิกายเร้นเมฆาของเรามีถ้ำลึกลับใต้ดินอยู่
ซึ่งในถ้ำแห่งนี้มีแร่ลึกลับ ที่สามารถปกปิดลมปราณได้
และทางเข้านั้นก็ไม่อาจที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ข้าสามารถนำศิษย์ของนิกายและชะตาวิญญาณจากห้องโถงวิญญาณไปซุกซ่อนอยู่ภายในถ้ำได้” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นยอมที่จะเปิดเผยที่ซ่อนลับของนิกายแก่กู้เบ่ย
เพราะหากกู้เบ่ยมิได้มาช่วยเหลือนิกายเร้นเมฆาคงจะไม่เหลือซากไปแล้ว
“ถ้าเช่นนั้นขอให้ท่าน
ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นจงรีบนำเดินการเคลื่อนย้ายคนในทันที
และให้เก็บตัวกันเป็นเวลาสองวัน ถ้าหากปรมาจารย์ต้าเหลยมิได้บุกมา
พวกท่านจึงค่อยกลับออกมา”
กู้เบ่ยไม่ต้องการให้ศิษย์ของนิกายเร้นเมฆาต้องมาเสี่ยงชีวิต
เพราะที่เหล่าศิษย์ที่เหลือล้วนมีระดับพลังต่ำกว่าระดับวิถีแห่งมังกร ส่วนเรื่องแร่ลึกลับถ้าหากเขานำไปบอกแก่เนี่ยลี่
เขาจะต้องสนใจเป็นแน่!
“ข้าขออยู่สู้ เคียงข้างท่านได้หรือไม่?”
ต้วนเจี้ยนเสนอตัว เมื่อเขานั้นผสานเข้ากับมังกรสายฟ้าเพลิงทมิฬ
พลังการต้านทานธาตุสายฟ้าจะต้องมีประโยชน์เป็นแน่
“นับว่าช่วยได้ไม่น้อย”
กู้เบ่ยได้เห็นพลังของต้วนเจี้ยนแล้ว เขาไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธ
“ข้าไม่อาจที่จะไปซ่อนตัวได้
ถ้าหากผู้นำนิกายเช่นข้าไม่อยู่ หากปรมาจารย์ต้าเหลยบุกมา
ข้าเกรงว่าเขาจะต้องสงสัยได้!” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นพูดขึ้นมา
เขาเองก็เป็นผู้ถึงนำนิกาย และเป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามเช่นกัน
หากร่วมมือกับเทพกระบี่ อาจจะพอรับมือกับปรมาจารย์ต้าเหลยได้
“ถ้าเช่นนั้นขอให้ท่านอยู่ด้านหลังข้า
ในเบื้องต้นข้าต้องการเจรจาก่อนที่จะเริ่มต่อสู้กัน”
กู้เบ่ยตอบกลับไป
หลังจากนั้นผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นก็ได้สั่งการให้เหล่าศิษย์เข้าไปหลบอยู่ในถ้ำเร้นเมฆา
ศิษย์ของนิกายเร้นเมฆามีเพียงแค่หมื่นกว่าคน จึงใช้เวลาไม่มากนัก
นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์
ตำหนักผู้นำนิกาย
“เนี่ยลี่ข้ามีข่าวมาแจ้ง”
ลู่เพียวรีบวิ่งขึ้นมา
“มีเรื่องอะไรเช่นนั้นหรือ?”
เนี่ยลี่ถามด้วยความสงสัย
“เรื่องนี้แม้จะยังไม่มีความชัดเจน
แต่ที่ด้านนอกประตูนิกายมีคนเดินทางมาแม้ว่าเราจะยังคงปิดเอาไว้
พวกเขาพูดคุยกันว่า ปรมาจารย์ต้าเหลยยกกำลังพลหมดทั้งนิกาย บุกไปยังนิกายเร้นเมฆาเพื่อล้างแค้นให้ศิษย์เอกของเขาทั้งห้า!”
“ถ้าข่าวนี้เป็นจริง
แปลว่ากู้เบ่ยจะต้องเจอศึกใหญ่เป็นแน่ แต่ที่ข้ารู้มาปรมาจารย์ต้าเหลย
เป็นยอดฝีมือระดับเทพสงครามขั้นที่สองข้าเชื่อว่ากู้เบ่ยสามารถรับมือได้” เนี่ยลี่พูดอย่างมั่นใจ
แต่เขาก็ยังคงต้องการทราบข่าวสารที่ชัดเจนกว่านี้
“ข้าจะจัดการในเรื่องนี้เอง
เจ้ากลับไปดูแลประตู ถ้าหากมีข่าว” เนี่ยลี่พูดออกมาหลังจากที่คิดอยู่ครู่หนึ่ง
หลังจากที่ลู่เพียวกลับออกไป
เนี่ยลี่ก็เข้าไปในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำทันที
ภายในภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
“หลิงเหยา
เจ้าจงมาหาข้า” เนี่ยลี่ตะโกนเรียกอีกาวิญญาณเหลิงเหยา
“เจ้าเคยบอกว่าจะให้ข้าอยู่อย่างอิสระมิใช่หรือ
เหตุใดจึงเรียกหาข้าด้วย” เหลิงเหยาบินมาพร้อมกับบ่น
“ข้ามีเรื่องจะวานให้เจ้าทำ
ขอให้เจ้ารีบเดินทางไปยังนิกายเร้นเมฆาและสืบข่าวให้ข้าด้วย” เนี่ยลี่พูดออกไป
“นิกายเร้นเมฆาข้าบินเพียงแค่วันเดียวก็สามารถไปถึงแล้ว
เจ้าจะให้ข้าทำเรื่องอันใดกัน?” เหลิงเหยาพูดขึ้นมา
ราวกับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก
“จงไปสืบข่าวว่า ปรมาจารย์ต้าเหลยได้ยกกำลังพลไปบุกยังนิกายเร้นเมฆาหรือไม่
จากนั้นหากกู้เบ่ยสหายข้าเพลี่ยงพล้ำ ก็จงรีบกลับมาแจ้งข่าวข้าในทันที”
“งานนี้ง่ายดายยิ่งนัก
ถ้าเช่นนั้นก็พาข้าออกไปจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำได้แล้ว”
หลิงเหยาตอบกลับไป
หลังจากนั้นเนี่ยลี่และหลิงเหยาก็ออกมาจากภาพจิตกรรมหมื่นขุนเขาและสายน้ำ
และหลิงเหยาก็รีบบินออกไปในทันที
วันต่อมา
ท้องฟ้าเหนือนิกายเร้นเมฆาเต็มไปด้วยกองกำลังหลายหมื่นของนิกายห้าอสูรสายฟ้า
และผู้นำของพวกเขาก็คือปรมาจารย์ต้าเหลย
“ข้าต้องการพบกับ เทพกระบี่ ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นจงนำมันออกมา
ข้าจะตัดคอมันเพื่อเซ่นสังเวยให้แก่วิญญาณศิษย์ทั้งห้าของข้า!”
ปรมาจารย์ต้าเหลยคำรามลั่นอยู่เหนือนิกายเร้นเมฆา
เมื่อเห็นกองกำลังของนิกายห้าอสูรสายฟ้า
บินมาไกล ๆ กู้เบ่ยจึงให้ยอดฝีมือจากชนเผ่าเมฆาสวรรค์ลงมาเตรียมพร้อมอยู่ด้านล่าง
สิ้นเสียงของปรมาจารย์ต้าเหลย ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋น
ต้วนเจี้ยนและกู้เบ่ยก็บินขึ้นไปเผชิญหน้ากับปรมาจารย์ต้าเหลย
“ปรมาจารย์ต้าเหลย
นิกายเร้นเมฆาของข้าไปทำอะไรให้นิกายห้าอสูรสายฟ้าขุ่นเคืองใจ
จึงได้ส่งศิษย์เอกทั้งห้าของท่านมาทำลาย ถ้าหากไม่ได้เทพกระบี่ช่วยเหลือ
นิกายของข้าคงสิ้นชื่อไปแล้ว” ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นประสานมือพูดกับปรมาจารย์ต้าเหลย
“แล้วเหตุใดนิกายห้าอสูรสายฟ้าต้องมาทำลายนิกายเร้นเมฆาเล็ก
ๆ ของเจ้า พวกข้าไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย” ปรมาจารย์ต้าเหลยตอบกลับไปด้วยความสงสัย
และพูดต่ออีกว่า
“แต่ที่ข้ามาในวันนี้เพื่อที่จะแก้แค้น ให้กับศิษย์เอกทั้งห้าของข้าที่ถูกเทพกระบี่สังหารไป
ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับอสูรข้าหาได้สนใจไม่!”
“ท่านจะกล่าวว่าไม่สนใจได้เช่นใดกัน
ความขัดแย้งนี้เริ่มจากศิษย์ของท่านมารุกรานนิกายเร้นเมฆาและได้สังหารผู้คนไปจำนวนไม่น้อย”
ต้วนเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป
“ถ้าหากเจ้าต้องการแก้แค้น
ข้าเทพกระบี่ก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้ว แต่ข้าคิดว่าท่านควรที่จะหาความจริงก่อนว่า
เหตุใดศิษย์ของท่านจึงได้มารุกรานนิกายเร้นเมฆา” กู้เบ่ยมองไปที่ปรมาจารย์ต้าเหลยและพูดออกไป
“เจ้าจะบอกว่าศิษย์ข้าเป็นคนผิด
และสมควรตายเช่นนั้นหรือ?” ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือก พร้อมกับแผ่รังสีอํามหิตออกมาอย่างเต็มที่
“ถ้าหากท่านจะโกรธ
ก็จงไปโกรธผู้ที่ให้ศิษย์ของท่านมารุกรานนิกายเร้นเมฆาจะเหมาะสมกว่า
การที่ศิษย์ของท่านนำกองกำลังระดับวิถีแห่งมังกรสองร้อยคนเดินทางออกมาจากนิกาย
ท่านไม่ทราบเลยหรืออย่างไร?” ต้วนเจี้ยนพูดบอกไปอย่างที่ไม่ได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
หลังจากได้ยินคำพูดของต้วนเจี้ยน ปรมาจารย์ต้าเหลยก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
หากศิษย์เอกทั้งห้าของเขาคิดที่จะก่อสงครามกับพวกมนุษย์
เหตุใดพวกเขาจึงไม่ได้มาแจ้งอันใดแก่เขา เขาหันไปมองเหล่าศิษย์ที่อยู่ด้านหลังและตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า
“มีใครบอกข้าในเรื่องนี้ได้บ้าง?”
หลังจากที่ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดจบ
เหล่าศิษย์ของเขาต่างก็นิ่งเงียบ และหันไปมองหน้ากันเอง
“เยี่ยนเฮย!
เจ้าจงบอกความจริงแก่ข้ามา” [烟黑:เยี่ยนเฮย:ควันสีดำ เป็นผู้ที่เข้าไปรายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของศิษย์เอกทั้งห้าของเขา]
ปรมาจารย์ต้าเหลย พูดด้วยน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเพื่อเค้นหาความจริง
“ท่านศิษย์เอกทั้งห้า
ได้ร่วมมือกับนิกายจันทราโลหิต เพื่อเริ่มก่อสงครามกับพวกมนุษย์ขอรับ
และได้กำหนดให้นิกายเร้นเมฆาเป็นเป้าหมายแรกขอรับ”
เยี่ยนเฮยตอบกลับไปด้วยตัวที่สั่นสะท้าน [นิกายอสูรจะมีทั้งหมดสามนิกายคือ
นิกายเทพอสูร นิกายห้าอสูรสายฟ้า และนิกายจันทราโลหิต]
“นิกายจันทราโลหิตเช่นนั้นหรือ
ถ้าเช่นนั้นเจ้าเซวี่ยซินเยวี่ย จะต้องรู้เรื่องนี้เป็นแน่!”[
血新月:เซวี่ยซินเยวี่ย:จันทร์เสี้ยวโลหิต เป็นผู้นำนิกายจันทราโลหิต]
“ถ้าเช่นนั้นขอให้ท่านไปค้นหาความจริง
จากนั้นพวกเราค่อยมาคุยกันใหม่” กู้เบ่ยพูดพร้อมกับบินลงไปด้านล่าง
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าก็ต้องขอตัวเช่นกัน”
ผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นประสานมือคารวะและกล่าวลา ก่อนที่จะบินลงไปพร้อมกับต้วนเจี้ยน
“ข้าเดินทางมาจนถึงที่นี่แล้ว
คิดหรือว่าข้าจะยอมกลับไปมือเปล่า
สังหารพวกเจ้าแล้วข้าค่อยไปเค้นความจริงจากเซวี่ยซินเยวี่ยในภายหลังก็ได้!”
ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก
ปรมาจารย์ต้าเหลยประสานพลังสายฟ้าไว้ที่ฝ่ามืออย่างรวดเร็วและปล่อยออกไปเป็นกระบี่สายฟ้าพุ่งไปที่กู้เบ่ยอย่างรวดเร็ว
“เลือดของเจ้าจะต้องถูกนำไปเซ่นสังเวยให้แก่ศิษย์เอกทั้งห้าของข้าเจ้าเทพกระบี่”
ปรมาจารย์ต้าเหลยพูดอย่างเย็นชา
“ท่านเทพกระบี่ระวัง!”
เสียงของผู้นำนิกายเฉียงอวิ๋นและต้วนเจี้ยนดังขึ้นมาพร้อมกันเปรี้ยง! ฉึกก!......................จบตอน