“ใช่จริง ๆ
ด้วยสินะ การที่จะส่งพวกท่านกลับไปแล้วให้ กาลเวลาหมุนไปตามปกติ
จะต้องส่งกลับไปให้ครบทุกคน รวมถึงตัวข้าที่มาจากโลกของท่านด้วย
ไม่อย่างนั้นถึงแม้นข้าจะส่งพวกท่านกลับไป จักรกลแห่งเวลาก็ไม่อาจจะเคลื่อนไหวได้”
องค์หญิงก้มหน้าตอบ
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องรีบไปหาฝนก่อน
เรื่องฝึกวิชาเอาไว้ทีหลัง” มะพร้าวพูดขึ้นมาอย่างร้อนใจ
“เดี๋ยวก่อนสิ
ทำไมพวกเรา ที่ถูกส่งมาถึงได้อยู่ที่เดียวกัน
ดังนั้นฝนต้องอยู่แถวนี้เหมือนกันใช่ไหม?”
รงค์พูดขึ้นมา
“มีเพียงพวกท่านเท่านั้น
เนื่องจากข้าระบุตำแหน่งที่พาพวกท่านมาได้ แต่ตัวข้าที่มาจากโลกของท่าน
นางอาจจะใช้พลังของนางโดยไม่รู้ตัว จึงอาจจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกแห่งนี้ ”
องค์หญิงตอบ
“แล้วเราจะไปหาฝนได้จากที่ไหน?” เบียร์เอ่ยถาม
“ตัวข้า และ
เพื่อนของท่าน คือคน คนเดียวกัน ข้าพอมีเวทย์มนต์ที่จะใช้เพื่อสื่อถึงกันได้
เพียงแต่ว่า ต้องใช้เวลาพอสมควร
ข้าจักไม่ทำให้ท่านผิดหวัง
ขอให้พวกท่านไปฝึกกับท่านนักปราชญ์ ทั้ง 4 ของเรา
ส่วนเราจะตามหาเพื่อนของท่านให้จงได้”
“หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดสัญญานะองค์หญิง
ไม่งั้นต่อให้เป็นท่านข้าก็จะไม่ขอไว้หน้าใด ๆ ” มะพร้าวกำมือแน่นแล้วพูด
“แล้วใครจะฝึกกับใคร
ใครฝึกธาตุไหน พวกข้าต้องเลือกเองไหม?“
นุ ถามกับผู้เฒ่าทั้ง 4
“เปล่าเลย
พวกเจ้ามีธาตุแรกกำเนิดของตัวเองอยู่ เช่นเจ้าคือธาตุอัคคี
ผู้ที่เผาไหม้ได้ทุกสิ่งข้าจะเป็นผู้ฝึกสอนเจ้าเอง”
ชายแก่ผ้าคลุมสีแดงพูดพร้อมกับเอามือไปแตะจมูก
แล้วรีบชักออก แล้วชี้ไปที่ นุการกระทำนี้ไม่หลุดรอดจากสายตาของ มะพร้าว
และ รงค์
“ส่วนเจ้าคือธาตุวารี
ที่มีทั้งปัญญาและความสงบนิ่ง” ชายแก่ผ้าคลุมสีฟ้าชี้ไปยังรงค์
“เจ้าคือธาตุวายุ
ความพริ้วไหวดุจสายลม และความเกรี้ยวกราดของลมกรรโชก จะช่วยให้เจ้าปลอดภัย” ชายแก่ผ้าคลุมสีเขียวชี้ไปที่เบียร์
“คนสุดท้ายคือเจ้าธาตุปฐพี ความหนักแน่นของเจ้าจะคอยค้ำจุนตัวเองและพรรคพวกให้เข้มแข็ง” ชายแก่ผ้าคลุมสีน้ำตาลบอกกับมะพร้าว
“ข้าจะเปิดทางเข้ามิติ ที่ใช้ฝึกวิชาให้กับพวกเจ้าเอง” องค์หญิง ร่ายคาถาขึ้นมาบทหนึ่ง ก่อให้เกิดประตูมิติขึ้นมา 4 จุด
“ตอนที่กลับมา
หวังว่าฝนจะอยู่ที่นี่แล้วนะองค์หญิง” มะพร้าวพูดก่อนที่จะเดินเข้าประตูมิติไป
“ข้าจะตามหาเพื่อนของเจ้าให้เจอให้ได้”
องค์หญิงตอบ
ณ หุบเขาอัคคี
“สิ่งแรกที่เจ้าต้องฝึกคือการดูดซับธาตุแรกกำเนิดของเจ้า
พยายามที่จะผสานตัวของเจ้าเข้ากับเปลวไฟรอบ ๆ ตัว พยายามอย่าฝืน
ปล่อยจิตและกายให้ว่าง ”
ปราชญ์แห่งอัคคี ได้แนะนำนุ
ท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชน แทบจะทำให้นุ ร้อนจนแทบทนไม่ไหว หลังจากที่นั่งสมาธิโดยที่มือซ้ายและขวาคว่ำหากัน
อยู่ได้ 7 วัน เปลวไฟรอบ ๆ ตัวค่อย ๆ หมุนวนไปรอบ ๆ ร่างกายของนุ
ความร้อนที่เคยได้รับก็หายไป ราวกับว่าไฟเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายของเขาแล้ว
“ดูดซับเข้าร่างกายแล้วลองปล่อยไฟออกมาจากทางฝ่ามือของเจ้าดู”
ปราชญ์แห่งอัคคีพูด
ได้ยินดังนั้นนุจึงรวบรวมเปลวไฟมาไว้ที่มือ แล้วปล่อยให้พุ่งออกไป
“ตูม!” เลียงลูกไฟพุ่งปะทะเข้าภูเขา
มีร่องรอยของกระสุนไฟฟุ่งทะลุไป ในรูมีรอยเผาไหม้ ราวกับว่า รอบ ๆ
รูนั้นถูกหลอมละลายด้วยความร้อนสูง
“เจ้าบรรลุขั้นที่หนึ่ง
แล้ว นั่นคือกระสุนเปลวไฟ หากเจ้าสามารถดูดซับและควบคุมไฟได้มากกว่านี้ เจ้าก็สามารถที่จะใช้วิชาในขั้นต่อไปได้อีก”
“นี่ฉันทำได้จริง
ๆเหรอเนี่ย” นุ พูดกับตัวเอง
และนั่งสมาธิต่อเพื่อดูดซับธาตุอัคคีเข้าไปในตัวเพิ่มขึ้น
ณ
ยอดเขาเสียดฟ้า
“จงนั่งอยู่บนปลายยอดเขา
เพื่อดูดซับวายุ เมื่อเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกับวายุ สายสมจะเพียงแค่พัดผ่านไป”
ปราชญ์แห่งวายุอธิบายให้เบียร์ฟัง แต่ลมที่นี่พัดแรงมากยังกับพายุเพียงแค่นั่งลงก็แทบจะถูกลมพัดล้มกลิ้งไปแล้ว
เบียร์ล้มกลิ้งอยู่หลายวัน แต่พอมองไปที่ ปราชญ์แห่งวายุ
ก็เห็นว่านั่งสบายแทบจะไม่มีอะไรที่ปลิวแม้แต่เส้นผมของเขา
“สายลมนั้นมีชีวิต
จงปล่อยวางและเรียนรู้มัน ร่างกายจะค่อย ๆ ดูดซับมันเข้ามาเอง ราวกับสาว ๆ
ที่เข้ามาคลอเคลียโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากชักชวน ” ปราชญ์แห่งวายุพูด
“เข้าใจแล้ว” เบียร์พูดพร้อมกับนั่งลงอีกครั้ง แล้วปล่อยจิตให้ว่างเปล่า สายลมค่อย ๆ หมุนวนอยู่ที่มือของเขา
“สร้างเกราะขึ้นมาด้วยสายลมของเจ้าสิ” ปราชญ์แห่งวายุบอกกับเบียร์
“เกราะวายุ
งั้นเหรอ?” เบียร์ค่อย ๆ ให้ลมที่วนอยู่รอบแขนของเขา
ออกมาหมุนรอบ ๆ ตัวเขาแทน เป็นเหมือนเกราะที่มองไม่เห็น
“นั่นคือขั้นที่หนึ่ง
ของเจ้า เกราะวายุ” ปราชญ์แห่งวายุพูดขึ้นมา
“นึกว่าจะยากกว่านี้ซะอีก
ชวนสาวไปดูหนังยังยากกว่านี้เลย” เบียร์ พูดพร้อมกับยิ้ม
ณ
เกาะกลางมหาสมุทร
“ตาแก่บ้า ผลักข้าลงไปในน้ำอยู่ได้”
รงค์โวยวายกับปราชญ์แห่งวารี
“ธาตุของเจ้าคือธาตุน้ำ
เจ้าต้องเป็นหนึ่งเดียวกับสายน้ำ หากเจ้าทำได้ การหายใจในน้ำ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ปราชญ์แห่งวารี พูดกับรงค์
“อย่ามาพูดบ้า ๆ นะ ปลาหายใจบนบกไม่ได้เพราะ
ไม่สามารถ ใช้ก๊าซออกซิเจนจากบรรยากาศโดยตรงได้ เนื่องจากมันไม่มีปอด สำหรับหายใจ
แต่คนใช้ปอดในการหายใจ เลยหายใจในน้ำไม่ได้” รงค์เถียงกับปราชญ์แห่งวารี
“เจ้าลืมความรู้ในโลกของเจ้าไปก่อน
เหตุผลของเจ้าใช้ไม่ได้กับโลกแห่งคาถาและเวทย์มนต์แห่งนี้ ปล่อยตัวตามสบาย
อย่าฝืนทน ร่างกายของมนุษย์นั้นประกอบด้วยน้ำถึงเจ็ดส่วน
ถ้าน้ำจะเข้าไปในร่างกายของเจ้าเพิ่มอีกหน่อยจะเป็นอะไรไป”
หลังจากที่ถูกผลักลงน้ำอยู่หลายวัน
ร่างกายของรงค์จมลงไปอยู่ในน้ำ แต่ไม่รู้สึกอึดอัด
สามารถเคลื่อนที่ในน้ำได้ราวกับว่า ลอยอยู่กลางอากาศ
“ลองใช้น้ำนั่นบิดเป็นเกลียวเป็นหอกแล้วแล้วพุ่งขึ้นไปด้านบนสิ” ปราชญ์แห่งวารี เอ่ยปาก
“หอกวารี สินะ ไปเลย” หอกน้ำพุ่งไปข้างบนอย่างรวดเร็ว
พุ่งทะลุขึ้นเหนือน้ำ ผิวน้ำแตกกระจาย ราวกับมีฝนตกห่าใหญ่
“ขอแค่มีน้ำอยู่ เจ้าก็ไม่มีวันแพ้ใคร” ปราชญ์แห่งวารีพูดกับรงค์
“ทำไมท่านไม่ยอมบอกว่า ท่านคือข้าในโลกแห่งนี้?”รงค์ถาม
“เจ้ารู้ด้วยรึ?”ปราชญ์แห่งวารีตอบพร้อมกับยิ้ม
ผืนป่าใกล้ ๆ กับเมืองขององค์หญิง
“ปฐพี มีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง หากเจ้าควบคุมมันได้ เจ้าก็จะไร้เทียมทาน
แต่การฝึกฝนก็ยากกว่าธาตุอื่น ๆ เนื่องจากดิน มีรูปลักษณ์ และยังมีสภาพเป็นของแข็งอีกด้วย
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการดูดซับโดยตรงจากผืนดิน”ปราชญ์แห่งปฐพี พูดแนะนำมะพร้าว
“ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้นหรอก ท่านก็คือผมในโลกแห่งนี้สินะ หากมีวิธีลัดทางไหนก็บอกข้ามาเลย”
มะพร้าวพูดออกไป
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” ปราชญ์แห่งปฐพีสงสัย
“ตอนที่ปราชญ์แห่งอัคคีเอามือแตะจมูก
นั่นมันนิสัยของเจ้านุชัด ๆ ถึงจะรีบเอามือออกก็เถอะ” มะพร้าวตอบ
“ช่างสังเกตุยิ่งนัก ปราชญ์แห่งอัคคีอาจจะเป็นแฟนยิ่งยงก็ได้ ” ปราชญ์แห่งปฐพีพูดพร้อมกับหัวเราะ
“ไม่ตลก” มะพร้าวพูดขึ้นมาด้วยหน้าที่นิ่ง ๆ
“ตัวข้าที่โลกโน้นช่างไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลย ถ้าเจ้าอยากได้หลักสูตรเร่งลัดข้าก็จะทำให้”
ปราชญ์แห่งปฐพีพูดพร้อมกับร่ายคาถา ดินที่อยู่รอบ ๆ
ตัวของมะพร้าว ก่อตัวขึ้นเป็นโดมล้อมรอบทุกทิศทาง จากนั้นปราชญ์แห่งปฐพีก็พูดว่า
“ข้าทำให้ปฐพีอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าในทุกทิศทาง
หากเจ้าไม่สามารถดูดซึมธาตุปฐพีได้ก่อนที่อากาศจะหมด เจ้าก็จะดับสูญอยู่ตรงนี้แหละ”
“ข้าจะทำมันให้ท่านดู”
มะพร้าวพูดพร้อมกับนั่งสมาธิอยู่ในโดมที่ทำจากกองดิน แม้จะรู้สึกอึดอัดในช่วงแรก
แต่หลังจากที่ธาตุดินค่อย ๆ ถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกายของมะพร้าว
เขาก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอีกต่อไป
“ปฐพีคือธาตุแรกกำเนิดที่ยิ่งใหญ่กว่ธาตุอื่น
เพราะทุกสรรพสิ่งล้วนเกิดจากดินและดับสลายไปกับดิน
ตอนนี้เจ้าบรรลุขั้นที่หนึ่งแล้ว ลองควบคุมผืนดินดู ให้โดมที่ข้าสร้างค่อย ๆ กลับเป็นพื้นดินตามปกติดูสิ”ปราชญ์แห่งปฐพีบอกให้มะพร้าวลองทำ
เพียงแค่คิดให้โดมที่ปราชญ์แห่งปฐพีสร้างขึ้น กลับไปเป็นพื้นดินตามปกติ
มันก็ค่อย ๆ เคลื่อนที่ไหลลงมากองกับพื้น กลายเป็นพื้นดินเรียบ ๆ
“เจ้าเป็นคนแรกที่สามารถดูดซับธาตุได้รวดเร็วเช่นนี้ การดูดซับนี้มีทั้งหมดสิบขั้น พวกเราปราชญ์ทั้งสี่
ยังทำได้แค่เพียงขั้นที่เก้าเท่านั้น
ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถบรรลุขั้นที่สิบได้” ปราชญ์แห่งปฐพีเอ่ยอย่างภูมิใจ
แต่งโดย นายมะพร้าว [นพรัตน์ น.]