ตอนที่ 5
ออกเดินทาง
หลังจากผ่านไปครึ่งเดือนของการฝึกวิชา
องค์หญิงได้เปิดประตูมิติอีกครั้งเพื่อพาทั้งสี่คนกลับมา
ทันที่ที่กลับมามะพร้าวก็เอ่ยปากถามองค์หญิงทันที
“องค์หญิงไหนหล่ะ ฝน ที่ท่านรับปากข้าไว้”
“ข้าได้ใช้เวทย์มนต์เพื่อที่จะสืบหาเพื่อนของเจ้า และข้าก็ได้หาเจอแล้ว นางอยู่ทางนอกเมือง” องค์หญิงตอบ
“แล้วทำไมท่านจึงไม่ส่งคนไปรับนางเข้ามา” มะพร้าวเริ่มเสียงดังขึ้น
“นางถูกอสูรน้ำแข็งสายฟ้าจับตัวไป และภายนอกเมืองก็มีสัตว์อสูร อยู่เต็มไปหมด หากพวกท่านยังไม่บรรลุถึงขั้นที่ห้า คงยากที่จะไปถึงรังของอสูรน้ำแข็งสายฟ้าได้ แต่จากการรตรวจสอบข้ารับรู้ได้ว่านางยังคงมีชีวิตอยู่” องค์หญิงรีบอธิบาย
“ตอนนี้พวกข้าบรรลุขั้นที่ห้า แล้ว เราจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้” มะพร้าวพูด นุ เบียร์ รงค์ ต่างก็พยักหน้ารับ
“แค่ครึ่งเดือนพวกท่านสามารถบรรลุได้ถึงขั้นที่ห้าเชียวเหรอ” องค์หญิงตกใจแล้วหันไปทางนักปราชญ์ทั้งสี่
“สิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงองค์หญิง พวกข้าขอยืนยัน” ปราชญ์แห่งปฐพีตอบองค์หญิง
“ข้าต้องการผู้นำทาง หากท่านไม่เตรียมให้เราก็จะไปกันเอง” รงค์เอ่ยปากพูดกับเจ้าหญิง
“ข้าจะให้ทหารหนึ่งหน่วยกับเจ้าพร้อมผู้นำทาง” องค์หญิงเอ่ยปากบอก
“อย่าเลยองค์หญิงทหารจำเป็นต้องมีไว้ปกป้องเมือง รวมไปถึงอาจารย์ทั้งสี่ของพวกข้าด้วย ขอแค่คนนำทางเพียงคนเดียวก็พอแล้ว” เบียร์พูดขึ้นมาบ้างพร้อมกับส่ายหน้า
“คงไม่มีแม้นเวลาให้ข้าได้เลี้ยงส่ง ข้าจะให้ผู้นำทาง พาพวกเจ้าออกเดินทางทันที ” องค์หญิงรีบสั่งการ
ก่อนออกเดินทางองหญิงได้มอบแหวนให้พวกเราคนละวง
เป็นแหวนเวทย์มนต์ที่ใช้สำหรับสื่อสาร เพื่อให้ทางองค์หญิงรับทราบว่า
พวกเราอยู่ที่ไหนและเป็นอย่างไร และอาจารย์ทั้งสี่ได้บอกก่อนที่จะจากมาว่า
“น่าเสียดายที่เวลาไม่อาจคอยถ้า ธาตุทั้งสี่ ล้วนมีอยู่ทุกแห่งหน ในยามพักผ่อนขอให้เจ้าดูดซับธาตุประจำตัวของพวกเจ้าอยู่เสมอ และหากมีอันตรายพวกข้าจะรีบตามไปช่วยทันที”
“ข้าจะจำไว้ ท่านอาจารย์” ทั้งสี่คนพร้อมทั้งผู้นำทางได้เดินออกจากประตูเมืองในทันที
นอกประตูเมือง
หันหลังกลับมามองที่กำแพงเมือง ยังมีร่องรอยของการถูกอสูรโจมตีอยู่มากมาย หมายความว่าเขตนอกกำแพงนี้ต้องมีอสูรร้ายอยู่มากมาย ออกเดินทางได้ราว 10 นาที ข้างหน้ามีกลุ่มอสูรกินน้ำอยู่ที่ลำคลอง อยู่ 4 ตัวพอเห็นทั้ง 5 คนเดินทางมาก็รีบพุ่งเข้ามาโจมตี เป็นอสูรรูปร่างเหมือนวัวตัวใหญ่ แต่มีเขี้ยวเล็บเหมือนเสือ
“กระสุนอัคคี” สิ้นเสียงของนุ ลูกไฟพุ่งตรงไปยังวัวพยัคฆ์ลูกไฟพุ่งทะลุหัวของวัวพยัคฆ์ ทะลุทันทีและมันก็ล้มลงตรงนั้น
“ลูกบอลน้ำ” รงค์ใช้น้ำในลำคลองให้ลอยมาเป็นลูกบอลลูกใหญ่คลุมร่างวัวพยัคฆ์ จนขยับตัวไม่ได้ขาดอากาศหายใจ
“กำแพงวายุ” เบียร์ใช้ลมสร้างเป็นกำแพงขวางทางวัวพยัคฆ์ พอวิ่งมาชนก็เหมือนกับชนกำแพงที่มองไม่เห็นกระเด็นกลับไป
“หุบเหวนรก” ทันทีที่มะพร้าวพูดจบ ก็เกิดหลุมขึ้นมาตรงที่ วัวพยัคฆ์ ตัวสุดท้ายยืนอยู่หล่นหายไปจนลับตา
หลังจากที่ได้ทดลองใช้วิชาในการต่อสู้แล้ว
ทั้งสี่คนก็มีความมั่นใจมากขึ้นผู้นำทางก็เริ่มรู้สึกโล่งใจ จนนำทางมาถึงปากทางเข้าป่าแห่งอสูร
ในป่าแห่งนี้มีอสูรร้ายที่เทียบเท่ากับผู้บรรลุขั้นที่ห้าขึ้นไป
แค่มาถึงปากทางก็รู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งหลัง หลังจากยืนทำใจสักพัก
ผู้นำทางจึงเดินนำเข้าไปในป่า แค่เข้ามาในป่าเพียงแค่ไม่กี่สิบก้าว ก็ได้พบกับวิหคน้ำแข็ง
เป็นประเภทเดียวกับสัตว์อสูรน้ำแข็ง แต่ด้วยที่เป็นนกจึงบินได้
และยังมีความเร็วสูงมาก ตัวใหญ่พอ ๆ กับเสือ แต่ไม่ชอบอยู่เป็นฝูง พอมองไปรอบ ๆ
แล้วจึงไม่เห็นตัวอื่นสักตัว
“ถ้าเราจัดการมันได้ อาจจะพอมีทางจัดการกับอสูรน้ำแข็งแข็งสายฟ้าได้” รงค์พูดขึ้นมา
“งั้นฉันขอทดสอบมันก่อนนะ กระสุนอัคคี 10 ลูกรวดเลย” นุ ปล่อยลูกไฟออกไปพร้อมกันสิบลูก วิหคน้ำแข็งเห็นลูกไฟพุ่งเข้ามาแต่ก็ไม่ได้คิดจะหลบ ตูม! ตูม!ตูม!สิ้นเสียงระเบิดวิหคน้ำแข็งแทบไม่ได้รับบาดเจ็บ มีเพียงน้ำแข็งเล็กน้อยที่ละลายจากความร้อนของกระสุนอัคคี
“แกว๊ก!” เสียงวิหคน้ำแข็งร้องอย่างเสียงดัง มีน้ำแข็งพุ่งเป็นหนามแหลมมาจากบนอากาศ พุ่งเข้าใส่พวกเค้า เป็นจำนวนมาก
“กระ... เกราะวายุ” เบียร์รีบสร้างเกราะวายุเพื่อป้องกันทุกคน น้ำแข็งที่พุ่งมาปะทะกับเกราะวายุกระเด็นกระจุยกระจายไปหมด หากไม่มีเกราะวายุ ทุกคนอาจจะได้รับบาดเจ็บหนัก หรืออาจจะถึงตายก็ได้ หลังจากที่เห็นว่าการโจมตีไม่ได้ผล วิหคน้ำแข็งก็บินหนีไป
“แค่วิหคน้ำแข็งยังสู้ไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับอสูรน้ำแข็งสายฟ้าวะเนี่ย” รงค์พูดขึ้นมา ตอนนี้ทุกคนเริ่มรู้สึกหมดแรง จึงตัดสินใจที่จะหยุดพักกันตรงป่านี้นี่เอง โดยที่มะพร้าวได้ใช้ดินสร้างกำแพงเป็นห้องสี่เหลี่ยมมีหลังคา หน้าต่าง แล้วให้เบียร์ใช้เกราะวายุคลุมไว้อีกชั้น ซึ่งมะพร้าวคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะปลอดภัยจนถึงสว่าง
เช้ามาทกคนมาคุยกันเกี่ยวกับวิหคน้ำแข็ง ผู้นำทางบอกว่า สัตว์อสูรที่มีธาตุเฉพาะตัว จะมีความแข็งแกร่งสูง และสามารถใช้เวทย์มนต์ได้ หลังจากเก็บของออกเดินทาง ก็ได้พบกับวิหคน้ำแข็งอีกตัว
“อย่าเพิ่งโจมตีนะ” รงค์กระซิบบอกทุกคน
“เบียร์แกสร้างกำแพงวายุไว้ด้านบนเพื่อไม่ให้มันบินขึ้นไป มะพร้าวแกสร้างคุกดินขังมันได้ใช่ไหม?” รงค์หันมาถามมะพร้าวกับเบียร์
“น่าจะได้นะ แต่ไม่รู้ว่าแข็งแกร่งพอที่จะขังมันไว้ได้นานแค่ไหน” มะพร้าวพยักหน้าแล้วตอบ
“กำแพงวายุ” เบียร์สร้างกำแพงไว้เหนือหัวของวิหคน้ำแข็ง แผ่เป็นรัศมีกว้างกว่า 5 เมตร วิหคน้ำแข็งรับรู้ได้ถึงอัตรายรีบบินขึ้นไป แต่ก็ไม่สามารถบินได้เนื่องจากติดกำแพงวายุของเบียร์
“คุกศิลา” มะพร้าวใช้ดินผสมกับหินค่อย ๆ ก่อตัวเป็นโดมที่เป็นเหมือนคุกครอบวิหคน้ำแข็งไว้ ใช้เวลาไม่นานก็จับวิหคน้ำแข็งได้
“ดูเหมือนว่า ตอนนี้มันกำลังใช้ถาคาน้ำแข็งแบบเมื่อวานโจมตีอยู่ข้างในคุกศิลา ไม่รู้จะทนการโมตีได้นานแค่ไหนนะ” มะพร้าวบอกกับทุกคน
“ตานายแล้วนุ จัดการให้เจ้านี่เป็นนกย่างทีซิ” รงค์หันไปบอกกับนุ แม้ว่าในที่ ที่ไม่มีน้ำอย่างนี้ รงค์ไม่สามารถใช้วิชาอะไรได้ แต่ความฉลาดของเค้า เหนือกว่าใครทุกสี่คนนี้ นับเป็นอาวุธที่ใช้งานได้ในทุกที่ ทุกสถานการณ์เลยทีเดียว
“แบบนี้เองเหรอได้เลย ลูกไฟยักษ์” นุ รวบรวมไฟไว้ที่มือทั้งสองข้างเป็นลูกไฟดวงใหญ่ จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยลูกไฟไปเผาคุกศิลา เนื่องจากดินเมื่อถูกไฟแล้วก็จะยิ่งแข็ง ทำให้คุกศิลากลายเป็นเหมือนเตาอบดี ๆ นี่เอง
พอผ่านไปสักพัก มะพร้าวรับรู้ถึงความเงียบภายในคุกศิลา จึงคลายคาถาลง หลังจากเปิดคุกศิลาออก ข้างในนั้นมีเพียงวิหคน้ำแข็งที่ไม่มีน้ำแข็งเกาะอยู่ตามตัวแล้ว แถมยังส่งกลิ่นหอมราวกับไก่อบอย่างดี ทุกคนจึงตัดสินใจที่จะกินวิหคหิมะอบ เป็นอาหารเช้า ซึ่งรสชาดอร่อยถูกปากทุกคนมาก นับเป็นเรื่องดี ๆ ทีได้พบเจอตั้งแต่ที่พวกเขาข้ามมายังโลกใบนี้ ผู้นำทางบอกว่า นี่คงเป็นครั้งแรกของมนุษยชาติที่ได้ลิ้มรสวิหคหิมะ เพราะไม่เคยมีผู้ใดที่สามารถจัดการมันได้มาก่อน หลังจากที่ทานวิหคหิมะจนอิ่มแล้ว พวกเขาก็เก็บของเตรียมเดินทางต่อ ผู้นำทางเล่าว่า หากเดินไปอีกครึ่งทางก็จะพ้นป่านี้ และก็จะไปถึงหุบเขาที่มีถ้ำของอสรูรหิมะสายฟ้าอยู่ ยังไม่รู้ว่าเส้นทางที่เหลืออีกครึ่งว่าจะเจอกับตัวอะไรอีก ทุกคนได้แต่คอยเฝ้าระวังว่าจะถูกอสูรดักโจมตีตอนไหน
ถ้ำอสูรหิมะสายฟ้า
ภายในถ้ำ มีก้อนน้ำแข็งก้อนใหญ่อยู่ก้อนหนึ่ง ซึ่งฝนถูกขังไว้ด้านในอสูรหิมะสายฟ้ารับรู้ได้ว่าฝนคืออีกร่างขององค์หญิง จึงไม่สามารถที่จะฆ่าฝนได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้องค์หญิงแข็งแกร่งขึ้น จะทำให้รับมือได้ลำบากยิ่งขึ้น ความสามารถในการเปิดประตูมิติขององค์หญิงนั้น จำเป็นมากสำหรับมัน เหตุผลที่มันต้องการจะข้ามไปยังอีกโลกไม่ใช่แค่เพียงเพื่อจะปกครองทั้งสองโลกอย่างที่องค์หญิงคิด แต่มันต้องการจะกำจัดทุกชีวิตของอีกโลกเผื่อว่าจะได้กำจัดตัวตนของมันในอีกโลกหนึ่ง ซึ่งจะทำให้มันแข็งแกร่งขึ้นอีกสองเท่า เพียงเท่านี้ ก็จะไม่มีใครที่จะสามารถกำจัดมันได้อีกแล้ว เพราะในจิตสำนึกของอสูรหิมะสายฟ้า ไม่ได้ต้องการที่จะปกครองสิ่งใดเลย มันต้องการเพียงความแข็งแกร่งของตัวเอง และสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ สำหรับมันมีค่าเป็นเพียงแค่อาหารเท่านั้น
ป่าแห่งอสูร
หลังจากออกเดินทางต่อ พวกเขายังได้พบกับอสูรอีกหลายตัว แต่ว่าเป็นเพียงแค่อสูรร้ายธรรมดา ที่ไม่ได้มีพลังแห่งธาตุ จึงสามารถกำจัดได้โดยไม่ยากนัก พอเดินทางจนใกล้ถึงทางออก ได้มีอสูรฝูงหนึ่งยืนขวางทางอยู่ ซึ่งมันก็คือ ห้าวานรอสูร ซึ่งแต่ละตัวก็มีความสามารถควบคุมธาตุได้ตัวละธาตุ มีทั้งหมด 5 ตัว โดยมีธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ และ สายฟ้า
ซึ่งใกล้ ๆ
ทางออกนั้นมีบ่อน้ำขนาดใหญ่อยู่ ซึ่งทำให้รงค์สามารถช่วยสู้ได้อีกแรงหลักการต่อสู้นั้นไม่ได้มีอะไรยาก
แต่ละธาตุล้วนมีธาตุที่แพ้ทางอยู่ แต่ดูเหมือน วานรอสูรธาตุสายฟ้าที่เป็นจ่าฝูง
จะยืนคุมเชิงอยู่ นั่นนับเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเขา
เพียงแค่มีน้ำไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะจัดการกับวานรอสูรธาตุไฟวานรอสูรธาตุไฟถูกขังไว้ในลูกบอลน้ำแหละก็พ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย
ส่วนวานรอสูรธาตุดิน ถูกไฟของนุ เผาจนไม่เหลือซาก วานรอสูรธาตุลม ถูกมะพร้าวขังไว้ในคุกศิลาและถูกดึงไปฝังใต้ดิน
และสุดท้ายวานรอสูรธาตุน้ำ ถูกเบียร์ใช้คมมีดวายุ ที่คมกริบยิ่งกว่าดาบใด
ๆเฉือนจนตายไป ตอนนี้จึงเหลือเพียง วานรอสูรธาตุสายฟ้าที่เป็นจ่าฝูง และพวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการด้วยวิธีไหน
พอเห็นลูกน้องทั้งสี่ตัวตายไป วานรอสูรสายฟ้าจึงร้องเสียงดัง
“เจี๊ยกๆๆๆ” พอสิ้นเสียงมีสายฟ้าฟาดลงมาตรงที่พวกเขาอยู่ ทันใดนั้น
“โล่ห์ศิลา” มะพร้าวใช้ดินสร้างขึ้นมาขวางเหมือนเป็นหลังคากันสายฟ้าไว้ สายฟ้าที่ผ่าลงมาก็ไหลลงพื้นไปเหมือนกับสายดิน ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ดูเหมือนวานรอสูรสายฟ้าจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“งั้นเจอแบบนี้บ้างหอกวารี” รงค์ใช้น้ำจากคลองสร้างเป็นหอกพุ่งโจมตีใส่วานรอสูรสายฟ้าทันที มันรีบกระโดดหลบอย่างง่าย พร้อมกับหันมายิ้มเยาะเย้ย
“หลงกลแล้วหล่ะเจ้าลิงโง่ ลูกบอลน้ำ
เบียร์สร้างพายุหมุนในลูกบอลน้ำที” ทันทีที่อสูรวานรสายฟ้าถูกจับรงค์ก็สั่งให้เบียร์จัดการทันที
“ได้เลย พายุกระหน่ำไซโคลน!” เกิดพายุไซโคลนขึ้นมาข้างในลูกบอลน้ำ อสูรวานรสายฟ้า ถูกปั่นหมุนราวกับเป็นเครื่องซักผ้า และขาดใจตายไปในที่สุด
“ดูเหมือนว่าแม้จะเป็นธาตุพิเศษก็ยังพอมีหนทางที่จะสู้ได้อยู่นะ”
รงค์หันมาคุยกับทุกคน จากนั้นทุกคนก็เดินออกจากป่าแห่งอสูรไป
มองเห็นหุบเขาหิมะสายฟ้าอยู่ไม่ไกล
แต่งโดย นายมะพร้าว [นพรัตน์ น.]