หลังจากตื่นขึ้นมา
มะพร้าวยังคงสับสนอยู่ และพยายามเดินไปสำรวจรอบ ๆ ห้อง พอมองออกไปนอกหน้าต่าง
ภาพที่มองเห็นเหมือนโลกในนิยาย ตึกรามบ้านช่องดูแปลกตา “กึก!” เสียงเปิดประตูมีคนกำลังเดินเข้ามาในห้อง
“ท่านตื่นแล้วใช่ไหมครับ
ท่านผู้พิทักษ์ เพื่อน ๆ ของท่านทั้ง 3 คนก็เช่นกันเดี๋ยวข้าจะพาท่านไปพบกับเพื่อน
ๆ ที่ห้องโถงใหญ่ เพื่อเข้าเฝ้าองค์หญิงของพวกเรา”
ชายในชุดเกราะเหมือนทหารยุคโบราณ พูด แล้วพามะพร้าวเดินออกไป
“ที่นี่คือที่ไหน? ข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไง? แล้วทำยังไงข้าถึงจะกลับบ้านได้?” มะพร้าวเอ่ยถาม
“เดี๋ยวท่านรอให้องค์หญิงเป็นคนอธิบายเถิด
ตัวข้านั้นคงไม่อาจหาคำตอบให้ท่านได้ทั้งหมด” ชายในชุดเกราะพูด
ณ ห้องโถงใหญ่ รอบข้างรายล้อมไปด้วยรูปปั้นแกะสลักงดงาม
พื้นปูด้วยพรมสีแดง ด้านบนมีกระจกแก้วคริสตันประดับประดาไปทั่ว ด้านข้างมีทหารในชุดเกราะยืนเรียงแถวอยู่ด้านข้างเต็มไปหมด
ตรงกลาง นุ รงค์ เบียร์ ทั้ง 3 คนยืนอยู่ด้วยความงุนงงที่ไม่ได้แตกต่างกับมะพร้าว
“นั่นเจ้ามะพร้าว
มาแล้ว” เสียงรงค์ พูดขึ้นมา
“พวกนั้นบอกนายไหมว่าที่นี่คือที่ไหน”
เบียร์ถามมะพร้าว
“เขาบอกว่าองค์หญิงจะเป็นคนอธิบาย
แล้วองค์หญิงอยู่ไหนหล่ะ?”มะพร้าวตอบ พร้อมกับถามขึ้นมา
“เราอยู่นี่”
เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา เธอเดินมาที่ห้องโถง
เธอใส่ชุดคลุมสีขาวราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยาย เป็นหญิงสาวอายุราว ๆ ยี่สิบปี
มีผ้าคลุมปิดบังใบหน้าส่วนล่าง แสดงให้เห็นเพียงดวงตา แต่ก็ยังมองเห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงที่งดงามมาก
มีชายแก่ 4 คนเดินตามมาข้างหลัง อย่างนอบน้อม
“เราจะเป็นผู้ตอบคำถามของพวกเจ้าเอง”องค์หญิงพูดด้วยน้ำเสียงที่โอบอ้อม
แต่ฟังดูมีอำนาจ
“เสียงนี้
เป็นเสียงของคนที่บอกให้พาเรามา ก่อนที่จะหมดสติ ฉันจำเสียงนี้ได้” รงค์ พูดขึ้นมา
“แปลว่าท่านเป็นคนร้ายลักพาตัวพวกเรามาใช่ไหม?” เบียร์เอ่ยถามองค์หญิง
“จริงและไม่จริง
เราเป็นคนพาพวกท่านมายังโลกแห่งนี้ แต่เราก็ช่วยชีวิตของพวกท่านไว้เช่นกัน”
องค์หญิงยังคงตอบอย่างสงบ
“ช่วยชีวิตเรา
หมายความว่าไง?” นุเริ่มทนไม่ไหวถามขึ้นมาบ้าง
“หากองค์หญิงไม่นำตัวพวกเจ้ามา
พวกเจ้าทุกคนคงจะถูกรุมฆ่าตาย ณ ที่ ที่เจ้าจากมาแล้ว”
เสียงชายแก่คนหนึ่งพูดขึ้นมาชายคนนี้สวมเสื้อคลุมสีฟ้า
“พวกเจ้าควรที่จะต้องขอบคุณองค์หญิงของพวกข้าเสียด้วยซ้ำ”
ชายแก่ที่สวมเสื้อคลุมสีแดงพูดขึ้นมา
“พอเถิดท่านทั้งสอง
ให้เราเป็นผู้อธิบายเองเถิด” องค์หญิงพูดเตือนชายแก่ทั้งสอง
“ขออภัยด้วยองค์หญิง”
ชายแก่ทั้งสองเอ่ยคำขอโทษ
“แล้วที่นี่คือที่ไหน?”มะพร้าว ถามขึ้นมาบ้าง
“ที่แห่งนี้คือโลกคู่ขนาน
เป็นอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างจากโลกของท่าน เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์และคาถา
ทั้งสองโลกมีสิ่งที่เชื่อมโยงกันคือชีวิต เช่นตัวข้าเอง ที่อยู่ในโลกทางนี้
ที่โลกทางฝั่งของพวกท่านก็มีข้าอยู่อีกคนเช่นกัน”
“แปลว่าโลกนี้ก็มีพวกเราอยู่เหมือนกันอยู่ไหนหล่ะ?”รงค์ ถามด้วยความตกใจ พร้อมกับหันหน้ามองหา
“แน่นอน
แต่ข้าคงไม่อาจบอกได้ว่าตัวท่านในโลกนี้อยู่ที่ใด ชีวิตของทั้งสองโลกล้วนดำเนินในทิศทางที่ต่างต่างกัน
เช่นหากท่านในโลกนี้ได้เสียชีวิตไปแล้ว ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับตัวท่านในโลกของท่านเอง
เว้นแต่ว่า...” องค์หญิงตอบคำถามพร้อมกับอธิบาย
“เว้นแต่อะไร?”นุถามขึ้นมาบ้าง
“เว้นแต่ว่า
หากคนของทั้งสองโลก นั้นมาอยู่ที่โลกเดียวกัน หากมีใครสักคนที่เสียชีวิตไป
พลังชีวิตนั้นจะถูกส่งผ่านไปยังอีกคน
คนที่ยังอยู่จะได้รับพลังและอำนาจสืบทอดจากคนที่ดับสูญไป” องค์หญิงอธิบายต่อ
“แปลว่าถ้าพวกเราตายไป
พวกเราในโลกนี้ก็จะแข็งแกร่งขึ้นงั้นเหรอ?”รงค์พูดขึ้นมา
“ท่านเข้าใจได้ถูกต้องแล้ว”
องค์หญิงตอบ
“หรือว่าที่ลากเรามาที่โลกฝั่งนี้เพื่อที่จะฆ่าพวกเรา
แล้วให้พวกเราที่ฝั่งนี้เก่งขึ้นงั้นเหรอ คิดเหรอว่าฉันจะยอมถูกฆ่าตายง่าย ๆ” นุ
โวยวายขึ้นมา
“ท่านเข้าใจเราผิดแล้ว
เราพาท่านมายังโลกแห่งนี้ เพราะต้องการช่วยชีวิตพวกท่าน และ
ทางเราต้องการให้พวกท่านช่วยเหลือเราเช่นกัน” องค์หญิงรีบปฏิเสธ
พร้อมกับบอกความต้องการที่แท้จริง
“ให้พวกเราช่วย
พวกเราจะทำอะไรได้ ไหนบอกว่าโลกทางฝั่งนี้เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์และคาถา?”เบียร์ถามขึ้นมาบ้าง
“ขอให้เราอธิบายเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มก่อน
จริงอยู่ที่โลกทางฝั่งเรา เป็นโลกแห่งเวทย์มนต์และคาถา
แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะใช้เวทย์มนต์ได้ มีเพียงเหล่านักปราชญ์
ไม่กี่คนเท่านั้นที่ใช้เวทย์มนต์เพื่อคอยคุ้มครองเมืองนี้จากสัตว์ร้าย”องค์หญิงนิ่งเงียบไปสักพักแล้วพูดต่อ
“สัตว์ร้ายในโลกของทางฝั่งนี้ก็ใช้เวทย์มนต์ได้เช่นกัน
ในอดีตจะมีอสูรน้ำแข็ง และ อสูรสายฟ้า ที่จะมาบุกเข้ามาในเมืองนี้ทุก ๆ 500 ปี และ
1000 ปี ซึ่งครั้งนี้ จะครบรอบพันปี อสูรทั้งสองจะบุกมาพร้อม ๆ กัน ในอดีตเหล่านักปราชญ์ของเมืองเราก็สามารถที่จะขับไล่พวกมันออกไปได้ แต่ครั้งนี้ เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยมีมาในอดีต” องหญิงถอนหายใจแล้วพูดต่อ
“นักปราชญ์แห่งความมืดได้ใช้คาถาลับต้องห้ามหลอมรวมอสูรน้ำแข็ง
และ อสูรสายฟ้า เข้าด้วยกันรวมไปถึงตัวนักปราชญ์แห่งความมืดผู้นั้นด้วย
ทำให้อสูรร้ายกลายร่างเป็น อสูรน้ำแข็งสายฟ้า ที่มีปัญญาของนักปราชญ์แห่งความมืดอสูรน้ำแข็งสายฟ้า ที่มีปัญญานั้น
รู้ว่าข้าเอง มีเวทย์มนต์ที่จะเปิดประตูมิติได้
อสูรน้ำแข็งสายฟ้าต้องการพลังนี้ของข้าเพื่อที่จะครอบครองทั้งสองโลก
นี่คือเรื่องราวทั้งหมดที่ข้ามี” องค์หญิงอธิบายจนหมดเปลือก
“ในอดีตที่สัตว์ร้ายโจมตีเมืองเราก็เพราะความหิวโหย
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป” ชายแก่ผ้าคลุมสีน้ำตาลเอ่ยขึ้นมาบ้าง
“แปลว่าจะให้พวกเราไปสู้กับเจ้า
อะไรนะ อสูรน้ำแข็งสายฟ้าที่มีปัญญานั่นเหรอ?”
นุ พูดมาอย่างตกใจ
“ถูกต้องแล้ว”
ชายแก่ผ้าคลุมสีฟ้าตอบ
“ขนาดเหล่านักปราชญ์
ที่ใช้เวทมนตร์ได้ของพวกท่านยังสู้มันไม่ได้ แล้วพวกเราที่ใช้เวทย์มนต์ไม่ได้เลยจะเอาอะไรไปสู้ เหมือนกับบอกให้พวกเราไปฆ่าตัวตายอย่างนั้นแหละ” รงค์พูดขัดขึ้นมา
“เปล่าเลย
เราจะให้เหล่านักปราชญ์
ฝึกสอนเวทย์มนต์ให้แก่พวกท่าน พวกท่านทั้ง 4 คือตัวแทนแห่ง 4 ธาตุ ปฐพี วารี วายุ
และ อัคคี
คือธาตุกำเนิดของพวกท่านทั้ง 4 คน” องค์หญิงตอบข้อสงสัย
“พวกเราไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น”
มะพร้าวพูดขึ้นมา
“ใช่
พวกเราต้องการกลับบ้าน ใครจะบ้ามานั่งฝึกวิชาอยู่เป็นปี
กว่าจะกลับไปทางโน้นก็แก่หง่อมกันพอดี” นุโวยวายขึ้นมาอีกรอบ
“เราลืมบอกพวกท่านไป
ขณะที่ท่านข้ามมิติมายังโลกแห่งนี้ เวลาในทางโลกของท่านนั้นได้หยุดลง
เมื่อท่านกลับไป ท่านก็จะกลับไปสู่เวลาของโลกเดิมของท่าน” องค์หญิงกล่าวขึ้นมา
“นั่นก็คือกลับไปถูกรุมฆ่าตาย
นั่นเอง หึหึ ” ชายแก่ผ้าคลุมสีแดงพูดพร้อมหัวเราะ
“แต่ถ้าหากพวกเจ้าฝึกอยู่ที่นี่
พวกเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น และสามารถเอาชนะคนพวกนั้นในโลกของเจ้าได้”
ชายแก่ผ้าคลุมสีน้ำตาลพูดต่อ
“ถือว่าทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์
พวกเจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร”ชายแก่ผ้าคลุมสีฟ้าพูดต่อ
“กลับไปก็ตาย
อยู่ที่นี่ต่อยังมีโอกาสรอด พวกเจ้าเลือกเอาเอง” ชายแก่ผ้าคลุมสีเขียวกล่าวสรุป
“เราขอสัญญาด้วยเกียรติขององค์หญิงเลยว่า
หากพวกท่านช่วยพวกเรากำจัดอสูรน้ำแข็งสายฟ้า หลังจากนั้นเราจะส่งท่านทั้ง 4
กลับไปยังโลกของท่านแน่นอน” องค์หญิงพูดขึ้นมา
“เดี๋ยวนะพวกเราสี่คนงั้นเหรอ?”มะพร้าวพูดขึ้นมาหลังจากนึกอะไรออกบางอย่าง
“ยังมีอีกอย่างน้อยคนที่เข้ามายังโลกฝั่งนี้
ก่อนที่จะสลบไป ฉันเห็นฝนหายตัวไปก่อน” มะพร้าวพูดต่อ
“เป็นไปไม่ได้!” องค์หญิงพูดขึ้นมา
“รู้สึกว่าฉันจะเห็นแบบนั้นเหมือนกัน”
เบียร์พูดสวนขึ้นมาบ้าง
“แต่ข้าเรียกเพียงท่านทั้งสี่คนมา
ถ้าหากมีคนอื่นมาด้วยข้าต้องรู้สิ
เว้นแต่ว่า..” องค์หญิงพูดด้วยความตกใจ
“เว้นแต่อะไร?” รงค์รีบกระตุ้นให้องค์หญิงพูดต่อ
“เว้นแต่ว่า
ฝน ที่ท่านพูดถึง คือตัวข้าเองที่อยู่อีกโลกหนึ่ง” องค์หญิงถอดผ้าคลุมหน้าออก
แม้จะไม่ได้เหมือนกัน 100%
แต่เค้าโครงหน้ายังดูเหมือนกันอยู่ ทั้ง 4
คนได้แต่ยืนตกใจ
แต่งโดย นายมะพร้าว [นพรัตน์ น.]