test

เมนู นิยาย บน

เมนูมังงะ

22 ก.พ. 2559

ผู้พิทักษ์4ธาตุทะลุมิติ ตอนที่ 9 ตำนานบทสุดท้าย


          ณ ห้องโถงใหญ่ องค์หญิงจัดงานเลี้ยงใหญ่โต ให้ผู้คนมากมายเข้ามาร่วมงาน พวกเราทั้ง 5 คนแต่งชุดนิสิตที่ทำจากผ้าไหม ดูแปลกตากว่า เสื้อผ้าที่ทุกคนใส่ มีผู้คนที่ต่างเข้ามาเพื่อขอบคุณพวกเราอยู่แทบไม่ขาดสาย

          “ข้าขอเป็นตัวแทน ประชาชนแห่งโลกนี้ กล่าวขอบคุณ ผู้พิทักษ์ทั้ง 5 ท่าน และขอกล่าวสดุดี เหล่านักปราชญ์ทั้ง 4 ที่ได้สละชีวิต ปกป้องโลกของเราไว้” องค์หญิงกล่าวคำขอบคุณ

          “เดี๋ยวก่อนองค์หญิง” มะพร้าว พูดขัดขึ้นมา

          “หากพวกเรากลับไปแล้ว ก็จะไม่มีคนที่คอยปกป้องเมืองนี้จากอสูรร้ายแล้วสินะ ถึงมันจะเหลืออยู่ไม่มากแล้วก็เถอะ”นุ พูดต่อ

          “แต่ถ้าจะให้พวกเราอยู่ที่โลกฝั่งนี้ตลอดไปมันก็คงจะเป็นไปไม่ได้” เบียร์พูดเสริมขึ้นมา

          “หลังจากที่บรรลุขั้นที่สิบ และได้ครอบครองห่วงแขนศักดิ์สิทธิ์ แล้ว พวกเรามีเรื่องที่ยังไม่ได้บอกองค์หญิงอยู่” รงค์พูดสรุป

          “ด้วยอำนาจแห่งห่วงแขนศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอส่งมอบพลังเวทย์ของข้าเพื่อสร้างชีวิตใหม่ให้กับอาจารย์ของข้า” ทั้งสี่คน ถอดห่วงแขนศักดิ์สิทธิ์ ประจำธาตุของตนเอง แล้วถือไว้ในมือและยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับพูดพร้อมกัน ทันใดนั้นพลังเวทย์ของพวกเขาทั้งสี่ก็ราวกับถูก ห่วงแขนศักดิ์สิทธิ์ ดูดไปอีกฝั่งของห่วงแขนศักดิ์สิทธิ์ ปรากฏร่างชายหนุ่ม 4 คนที่หน้าตาแทบจะไม่ต่างจากพวกเขา และอยู่ในชุดผ้าคลุมสี แดง ฟ้า เขียว และ น้ำตาล

          “นักปราชญ์ทั้ง 4” องค์หญิงพูดด้วยความตกใจ

          “ข้าได้มอบพลังเวทย์ที่บรรลุขั้นที่สิบทั้งหมดให้กับท่านแล้วนะ แต่พลังกายที่ได้มานี่คงของขอไว้นิดหน่อยนะ” มะพร้าว พูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

          “เพราะบรรลุขั้นที่สิบแล้วห่วงแขนศักดิ์สิทธิ์จึงมอบอายุขัยเดิมคืนให้กับพวกข้าสินะ” นักปราชญ์แห่งปฐพีพูดขึ้นมา

          “แบบนี้หล่อกว่าตั้งเยอะ อย่าให้เสียชื่อหนุ่มเจ้าสำอางแห่ง 4 ผู้พิทักษ์สิอาจารย์” เบียร์ พูดกับ นักปราชญ์แห่งวายุ

          “เจ้าไม่รู้อะไร ตั้งแต่ที่ข้าแก่เนี่ย เข้าหาสาว ๆ ลำบากขนาดไหน ต้องวางฟอร์มให้ดูน่านับถือ มันเครียดมากรู้ไหม ไหนสาว ๆ ใครอยากใกล้ชิดกับนักปราชญ์แห่งวายุ มากันได้เลยจ๊ะ” นักปราชญ์แห่งวายุ พูดพร้อมกับหัวเราะลั่น

          “ฝึกมาแทบตาย สุดท้ายก็เล่นกับไฟไม่ได้แล้ว” นุบ่นกับนักปราชญ์แห่งอัคคี

          “ไฟในใจของเจ้าจะไม่มีวันดับสูญไป มาวันนี้ฉลองกันให้เมากันไปข้าง ดูว่าใครจะคอแข็งกว่ากัน” นักปราชญ์แห่งอัคคีพูดด้วยความสนุกแล้วลากนุไปดื่นเหล้าด้วยกัน

          “ก่อนตายไม่คิดจะบอกกันเลยนะ ว่าสร้างน้ำจากอากาศได้หน่ะ” รงค์บ่นกับนักปราชญ์แห่งวารี

          “ข้ารู้คนฉลาดอย่างเจ้า ต้องคิดออก คำตอบทุกอย่างล้วนอยู่ในสารานุกรมไงหล่ะ” นักปราชญ์แห่งวารี ตอบพร้อมกับยิ้ม

          “เดี๋ยวก่อนนะ พวกนายมอบพลังเวทย์ไปหมดกลายเป็นคนธรรมดาแล้ว แล้วฉันหล่ะ ไม่ได้อยากมีพลังเปิดประตูมิติไปใช้ที่โลกนั้นเป็นตัวประหลาดอยู่คนเดียวนะ” ฝนเริ่มโวยวายขึ้นมา

          “สร้อยคอเส้นนั้นไงหล่ะ เจ้ารวบรวมพลังเวทย์แล้วส่งมันไปที่สร้อยคอ” องค์หญิงบอกกับฝน ฝนค่อย ๆ ทำตามก็สามารถส่งพลังเวทย์ทั้งหมดไปที่สร้อยคอจนหมด

          “หม่อมฉันขอคืนมันให้กับองค์หญิงเพคะ” ฝนถอดสร้อยคอส่งให้กับองค์หญิง

          “ถึงเวลากลับสู่โลกของพวกท่านแล้วสินะ ข้าขอให้พวกท่านโชคดี เราจะไม่ลืมว่า เคยมีผู้พิทักษ์ทั้ง 5 ที่มาจากโลกที่แตกต่างกัน ได้มาปกป้องโลกของพวกเราไว้ และเราจะบันทึกและเล่าขานให้เป็นตำนานของพวกท่านตราบนานเท่านาน” องค์หญิงพูดกล่าวลา

          “เปิดประตูมิติสู่โลกที่แตกต่างกัน” สิ้นเสียงองค์หญิงประตูมิติก็เปิดออก

          “เดี๋ยวองค์หญิงตอนนี้ นุมันเมาอยู่นะ กลับไปตอนนี้เดี๋ยวก็โดนกระทืบตายหรอก” รงค์พูดจบ พวกเราทั้ง 5 ก็ถูกดูดเข้าประตูกลับสู้โลกของพวกเราทันที

       ตุบ! ทั้ง 5 คนหล่นลงมาที่โรงยิม แต่พวกโรงเรียนเทคนิคยังคงหยุดนิ่ง ไม่มีใครขยับตัว

          “จบเรื่องก็ถีบหัวส่งเลยนะองค์หญิง” มะพร้าวบ่นเสียงดัง

          “นั่นเดียร์นี่” ฝนรีบวิ่งไปหาเดียร์แล้วกอดไว้ด้วยความคิดถึง

          “จักรกลแห่งเวลา เดินได้” สิ้นเสียงพูด คนอื่นเริ่มเคลื่อนไหว มะพร้าว รงค์ กับเบียร์ ยืนเตรียมพร้อมแต่ นุ ยังนั่งหลับอยู่

          “ฝน ฝน เราจะทำยังไงกันดี” พอเวลาเริ่มเดิน เดียร์ก็พูดกับฝน พร้อมกับร้องไห้

          “ไม่เป็นไรหรอกเดียร์ พวกนี้เขาจัดการได้ ฝนมีเรื่องจะคุยกับเดียร์เยอะเลย พวกนายอย่าให้ใครมารวบกวนพวกฉันนะ” ฝนหันมาสั่ง ก่อนที่จะหันกลับไปคุยกับเดียร์

          “สั่งอยู่ได้นะ เบียร์ลากคอเจ้านุแล้วโยนใส่พวกมันหน่อย” มะพร้าวหันไปบอกกับเบียร์

          “ความคิดเข้าท่านี่ แต่แกก็สั่งอยู่เหมือนกันนะ” เบียร์จับเจ้านุโยนไปใส่พวกนักเรียนเทคนิค

          “โอ๊ย! อะไรกันวะ พวกอสูรชั้นต่ำอีกแล้วเหรอ ของแค่นี้ไม่ต้องใช้ถาคาไฟก็จัดการได้หมดแล้ว” นุ ลุกขึ้นมาโวยวายหลังจากถูกจับโยน แล้วก็จัดการพวกที่ยืนอยู่ใกล้ล้มไปทีเดียวเกือบ 10 คน

          “เมาแล้วมันเก่งตอนไม่เมานะฉันว่า” รงค์พูดพร้อมหัวเราะขึ้นมา

          “ไปจัดการให้หมดเถอะ” มะพร้าวพูดพร้อมกับวิ่งไปจัดการพวกที่อยู่ข้างหน้า ด้วยความสามารถของทั้งสี่คนตอนนี้ ทั้งร่างกาย ความเร็ว ล้วนเหนือกว่าคนปกติ แม้ว่า จะมีคู่ต่อสู้ถึง 200 กว่าคนแต่ก็เป็นเพียงคนธรรมดา ไม่อาจจะเป็นคู่มือกับพวกเขาในตอนนี้ได้ หลังจากจัดการหมดนุก็สร่างเมาพอดี

          “บอกแล้วพวกเขาจัดการได้ เรากลับบ้านกันเถอะ” ฝนพูดกับเดียร์

          “นี่มันตำนานบทใหม่ของอดีตผู้พิทักษ์ทั้งสี่แห่งโรงเรียนเจ้าชายเลยนะ เธอไม่ตื่นเต้นเหรอ เรา 2 คนกลายเป็นพยานคนสำคัญเลย เธอไม่ตื่นเต้นเลยเหรอไงฝน” เดียวจับตัวฝนเขย่าด้วยความตื่นเต้นสุด ๆ

          “ของแค่นี้อย่าลำบากเรียกว่าตำนานเลย เดียร์ ก็แค่เด็กตีกัน” ฝน พูดพร้อมทำหน้าเจ้าเล่ห์

          “พวกนายก็คิดเหมือนกันใช่ไหม” ฝนหันไปถามทั้งสี่ คนทั้งสี่คนได้แต่ยิ้ม แล้วปล่อยให้เดียวร์สงสัยอยู่คนเดียว

          “นี่ ๆ แล้วฝนไปสนิทกับพวกเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเดียร์เหมือนไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียว เล่ามาสิฝน เล่า เล่า เล่า”
ไม่มีใครตอบ ทุกคนหัวเราะขึ้นมา แล้วก็เดินกลับบ้านพร้อมกัน ปล่อยให้เดียร์เดินไปอย่างงง ๆ อยู่คนเดียว



          แต่งโดย นายมะพร้าว [นพรัตน์ น.]

เมนู นิยาย ล่าง

เมนู มังงะ ล่าง